สารวัด ฉบับที่ 875 วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 เทศกาลธรรมดา

บอกเล่าให้ฟัง

การสร้างบรรยากาศความเป็นคาทอลิกเป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งในชุมชนแห่งความเชื่อ เวลามิสซาบูชาขอบพระคุณจบแล้ว เห็นพี่น้องหลายๆคนไปอยู่ที่เต็นท์ซื้อรูปพระดื่มน้ำทานขนม และทักทายพูดคุยกันพ่อรู้สึกดีใจที่ได้เห็นบรรยากาศของความเป็นคาทอลิก ความเป็นหนึ่งเดียวกันในชุมชนแห่งความเชื่อแห่งนี้ คนที่ทำอยู่แล้วก็ทำต่อไปเถอะครับเพราะนี่เป็นเรื่องที่ดีงามสำหรับชุมชนของเรา ส่วนคนที่ยังไม่เคยแวะเข้าไปชมบรรยากาศแบบนี้พ่อก็เชิญชวนนะครับ ถ้าไม่มีธุระรีบร้อนอะไรก็เชิญร่วมดื่มน้ำทานขนมกันก่อน เพื่อเราจะได้รู้จักและมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น สำหรับสมาชิกดั่งเดิมที่มาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณที่นี่นานแล้ว พ่อขอฝากสมาชิกใหม่ที่เพิ่งรับศีลล้างบาป และสมาชิกใหม่ที่มาวัดของเราด้วย ขอให้เราทุกคนทำตนเป็นเจ้าของบ้านที่ดีทักทายแนะนำช่วยเหลือสมาชิกใหม่ด้วยอัธยาศัยไมตรี

นอกจากการสร้างบรรยากาศความเป็นคาทอลิกในชุมชนแห่งความเชื่อแล้ว ที่บ้านในครอบครัวของเราแต่ละคนก็ต้องสร้างด้วยเหมือนกัน เวลาที่พ่อออกไปสวดสายประคำตามบ้าน เห็นไม้กางเขนรูปพระที่แขวนหรือติดอยู่ตามบ้านทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ ยิ่งเห็นสมาชิกในครอบครัวมาร่วมกันสวดภาวนา บางบ้านมีเพื่อนบ้านมาร่วมด้วยก็ยิ่งเป็นบรรยากาศที่น่าชื่นชม พ่อขอส่งเสริมนะครับ “ให้ครอบครัวที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวหรือในละแวกเดียวกันพยายามทำความรู้จักกันไว้” เพราะนี่เป็นสิ่งที่พระศาสนจักรพยายามสร้าง และสนับสนุนให้เกิดขึ้นในพระศาสนจักรทั่วโลก เราต้องพยายามสร้างพระศาสนจักรในทุกๆระดับ ระดับบ้าน ระดับชุมชน และระดับวัด หมายความว่ามีคริสตชนอยู่ที่ไหนเราต้องพยายามสร้างเอกภาพความเป็นหนึ่งเดียวกันที่นั่น เพื่อว่ากลุ่มคริสตชนที่กระจายอยู่ในที่ต่างๆจะได้เป็นเหมือนเซลล์เล็กๆของการประกาศข่าวดี หรือเป็นดั่งเชื้อแป้งดีที่สามารถทำให้สังคมดีและน่าอยู่มากขึ้น ผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งเคยถามพ่อว่า “สถานที่ ชุมชน โรงเรียน หมู่บ้าน สำนักงานต่างๆ ฯลฯ มีคริสตชนอยู่ที่นั่นกับไม่มีคริสตชนอยู่ที่นั่นต่างกันตรงไหน” ถ้ามีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกันเลยก็น่าคิดอยู่เหมือนกันว่า “ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงสอนให้เราเป็นเกลือของแผ่นดิน และแสงสว่างส่องโลกหมายความว่าอะไร” คำถามนี้เป็นคำถามที่ท้าทายความเป็นคริสตชนของเรา เราเป็นคริสตชนแบบไหน เราเป็นเชื้อแป้งดีของสังคมที่ทำให้สังคมดีและน่าอยู่มากขึ้นหรือไม่ พี่น้องก็ลองนำเอาสิ่งที่พ่อเล่าให้ฟังไปไตร่ตรองดูก็แล้วกันนะครับ เผื่อว่าจะมีข้อคิดสะกิดใจนำไปปฏิบัติได้บ้าง

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ความสุภาพถ่อมตนในการสวดภาวนา

นักบุญลูกาเล่าเรื่องการสวดภาวนาของชาวฟาริสีและคนเก็บภาษีอย่างตรงไปตรงมาว่า “พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นชอบธรรม และดูหมิ่นผู้อื่นฟัง” (ลก.18:9) อุปมาเรื่องนี้ทำให้เราทราบพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าว่า “พระองค์ทรงพอพระทัยคนใจสุภาพและไม่พอพระทัยคนที่ชอบยกย่องตนเอง” ในการดำเนินชีวิตทุกๆวันเราต้องพยายามเป็นคนดีโดยหมั่นทำคุณงามความดี เราจึงต้องเข้าใจอย่างถูกต้องว่า “ความดีที่แท้จริงคืออะไร” ความดีคือการทำดีเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน คนบางคนพยายามซื้อพระเป็นเจ้าซื้อความสุขนิรันดรด้วยกิจการดีต่างๆ เขาคิดว่าพระเป็นเจ้ามีธนาคารให้เขาสะสมฝากความดีไว้ และเมื่อถึงเวลาเขาจะเอาความดีที่สะสมไว้ไปแลกกับความสุขนิรันดรในสวรรค์ แต่พระองค์ไม่มีธนาคาร ไม่มีการสะสม พระองค์มีแต่แจกจ่ายมีแต่ให้ทำเพื่อผู้อื่น เรื่องของบุญกุศลเป็นการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

อีกหลายๆคนคิดว่าต้องทำบุญมากๆสะสมความดีเข้าไว้ เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้ตกเป็นหนี้ตนเพราะเขาคิดว่าเมื่อเขาทำอย่างนี้มากเท่านี้แล้ว พระองค์ต้องประทานสิ่งนั้นสิ่งนี้ตามที่เขาปรารถนา แต่พระเป็นเจ้าก็ไม่เคยเป็นหนี้อะไรใคร เพราะสิ่งที่เราเป็นและมีก็เป็นของประทานจากพระองค์ทั้งสิ้น ตรงกันข้ามมนุษย์เป็นหนี้ความดีของพระองค์จนชดใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นความดีเล็กๆน้อยที่เราทำชดเชยความดีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ไม่ได้ ความดีของมนุษย์ไม่สามารถนำมาอวดอ้างกับพระเป็นเจ้าได้ ที่จริงแล้วพระองค์ไม่ต้องการสิ่งใดจากเรา คำสรรเสริญ คำสดุดีมิได้เพิ่มพูนพระเกียรติ์ แต่นำความรอดพ้นมาสู่เรามนุษย์ ชาวฟาริสีที่พระคัมภีร์กล่าวถึง เขามาสวดภาวนาโดยอวดอ้างความดีดูหมิ่นผู้อื่น “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย…….ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน……” (ลก.18:11-12) แต่เขากลับไปโดยไม่ได้รับความชอบธรรมใดๆ ส่วนคนเก็บภาษีซึ่งถูกประณามว่าเป็นคนบาป เขามาขอพระเมตตาจากพระเป็นเจ้าด้วยความสุภาพถ่อมตน “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพระเจ้าคนบาปด้วยเถิด” (ลก.18:13) กลับไปแล้วได้รับความชอบธรรม พระเป็นเจ้าทรงรักคนใจสุภาพและวอนขอพระเมตตาจากพระองค์ เราจึงต้องสวดภาวนาด้วยความสุภาพและวอนขอพระเมตตาจากพระเป็นเจ้าเสมอ “ฉันไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่นเลย ฉันดีกว่าคนอื่น ฉันไม่มีบาป” ให้เราระวังคิดทำนองนี้อย่าให้ผุดโผล่ขึ้นมาในความคิดของเราเลยทีเดียว เพราะนี่เป็นความจองหองแบบสุดๆ ความจองหองแบบนี้แหละจะทำให้เราเสียวิญญาณ

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. ขอเชิญร่วมซ้อมขับร้องเตรียมฉลองคริสตมาสและฉลองวัด เริ่มเดือนตุลาคมวันเสาร์ หลังมิสซา
  2. ขอความร่วมมือจากเด็กๆ และเยาวชนช่วยแสดงละครศักดิ์สิทธิ์คืนวันคริสตมาส ลงชื่อได้ที่หน้าวัด
  3. ขอให้เด็กๆที่อายุไม่เกิน 18 ปี ลงชื่อที่หน้าวัด เพื่อรับบัตรสอยดาวซึ่งจะจัดขึ้นในคืนวันที่ 24  ธ.ค. 2010
  4. ขอเชิญทุกๆครอบครัวลงชื่อ และรายละเอียดของครอบครัว เพื่อรับของขวัญในคืนวันคริสตมาส ทางวัดจะแจกของขวัญครอบครัวละหนึ่งชิ้น
  5. ในช่วงวันคริสตมาส-วันฉลองวัด ทางวัดจะจัดกิจกรรมหลายอย่าง พี่น้องท่านใดมีความประสงค์จะช่วยทางวัดในด้านปัจจัยต่างๆที่จะใช้ในงาน อาทิ ของขวัญในวันคริสตมาส อาหารที่จะเลี้ยงกันในวันครอบครัว และเลี้ยงสัตบุรุษในวันฉลองวัด ให้มาติดต่อหรือมอบได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด และผอ.สภาอภิบาล
  6. วันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค. 2010 ขอเชิญเด็กและเยาวชนที่ช่วยมิสซาและปรารถนาจะช่วยมิสซา พบกันที่ศาลาเรือนไทย หลังมิสซาเวลา 10.30 น.
  7. วันเสาร์ที่ 30 ต.ค. 2010 มีแห่แม่พระปิดเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนแม่พระลูกประคำ
  8. วันอาทิตย์นี้เป็นวันแพร่ธรรมสากล ขอเชิญร่วมบริจาคช่วยงานแพร่ธรรมได้ที่ตู้ทานกลางวัด

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.