สารวัด ฉบับที่ 874 วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 เทศกาลธรรมดา

บอกเล่าให้ฟัง

“หัดไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้างนะ” คำพูดลักษณะนี้เราคงเคยได้ยินบ่อยๆ เมื่อมีคนบางที่ชอบอยู่ในโลกส่วนตัวจนมีทัศนะที่แคบเกินไป หรือเป็นคนที่ไม่ชอบไปไหนมาไหน คำพูดเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าบนโลกใบนี้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเสมอเราต้องก้าวให้ทันโลกอย่างรู้เท่าทัน แต่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องภายนอกเท่านั้น ถ้าจะให้ดีต้องเปิดหูเปิดตาเปิดใจด้วย เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้ทัศนะกว้างไกล แต่ก็ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนเกินไป จนกลายเป็นคนใจแคบไม่ยอมเปิดใจรับความคิดเห็นของผู้อื่น ตั้งตนเองเป็นมาตรการตัดสินทุกสิ่ง “ความคิดของฉันเท่านั้นที่ถูกต้อง” คนที่มีทัศนคติแบบนี้อยู่ที่ไหนก็วุ่นวายที่นั่น ไม่ใช่ทำให้คนอื่นวุ่นวายเท่านั้นนะ แต่ตนเองก็จะวุ่นวายไปด้วยเพราะความคิดเช่นนี้จะเป็นที่ยอมรับของคนอื่นได้อย่างไร

ตาต้องดูหูต้องฟังใจต้องกว้าง เมื่อได้เห็นได้ยินอะไรเกี่ยวกับตัวเราจากผู้อื่น เราควรจะพิจารณาไตร่ตรองตนเองอย่างดีและรอบคอบ ยิ่งมีมากเสียงมากท่าที ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเราก็ยิ่งต้องคิดให้มากเข้าไว้ “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเสียงข้างมากจะถูกต้องเสมอนะครับ” อย่ายึดมั่นถือมั่นกับความคิดของตนเองจนเกินไป อย่าปิดหูปิดตากับมโนธรรมทางสังคมที่อยู่รอบข้าง เปิดใจกว้างๆเข้าไว้ให้แสงสว่างแห่งพระธรรมความจริงส่องเข้าถึงจิตใจของเรา เพื่อเราจะได้รู้จักตนเองสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ไม่หลงวนอยู่กับความคิดเดิมๆและความผิดหลงที่ซ้ำซาก

การเปิดใจพูดจาปรึกษาหารือจึงเป็นทางออกที่สำคัญของปัญหา และความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในครอบครัวและหมู่คณะของเรา ถ้าในครอบครัวพ่อแม่ลองเปิดใจรับฟังลูกๆบ้าง ลูกๆลองเปิดใจรับฟังพ่อแม่บ้าง ปัญหาและความไม่เข้าใจต่างๆคงจะคลี่คลายลงไปมากทีเดียว เพราะการเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นบ่อเกิดของความเข้าใจและทัศนคติที่ดี อย่ายอมให้อคติและความดื้อรั้นซึ่งเกิดจากการยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนเองจนเลยเถิดมันทำลายเรา จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจและความแตกแยก แต่จงเปิดหูเปิดตาเปิดใจให้กว้างและลดทิฐิลงบ้าง แล้วเราจะเห็นแสงสว่างแห่งพระธรรมซึ่งจะนำมาซึ่งความเข้าใจ ความรัก และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแน่นอน

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ความพากเพียรในการสวดภาวนา

การสวดภาวนาเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นมากๆสำหรับเราคริสตชน เพราะเป็นหนทางที่มนุษย์สามารถติดต่อสนทนาและสร้างสัมพันธภาพกับพระเป็นเจ้า ดังนั้นเราต้องสวดภาวนาอยู่เสมอด้วยความพากเพียรโดยไม่หวังผลในชั่วข้ามคืน ความพากเพียรในการสวดภาวนาเป็นเครื่องพิสูจน์ความเชื่อและความวางใจในพระเป็นเจ้าของเรา พระเยซูคริสตเจ้าทรงสอนเราว่า “จำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อใจ” (ลก.18:1) ในนิทานเปรียบเทียบเรื่องผู้พิพากษาที่ไร้มโนธรรมและหญิงม่ายผู้มารบเร้า ผู้เล่าไม่ได้เน้นเรื่องความไร้มโนธรรมหรือความไม่เที่ยงธรรมของผู้พิพากษาคนนั้น แต่เน้นว่าทำไมผู้พิพากษาคนนั้นทำตามคำรบเร้าของหญิงม่าย “แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันตลอดเวลา” (ลก.18:5) พระเยซูคริสตเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่าขนาดผู้พิพากษาซึ่งเป็นคนอธรรมยังปฏิบัติต่อหญิงม่ายที่มารบเร้าอย่างนี้ แล้วพระเป็นเจ้าผู้ทรงเป็นองค์ความดีและทรงรักมนุษย์สุดพรรณนา จะปฏิบัติต่อผู้ที่วอนขอพระองค์ด้วยความเชื่อและวางใจอย่างไร

การสวดภาวนาเป็นต้นในยามที่ความทุกข์ยากลำบากมาเยือนชีวิตของเรา เรามักต้องการเห็นผลจากการสวดภาวนาในชั่วข้ามคืน ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นหลายคนก็เริ่มความเชื่อคลอนแคลนและโกรธพระเป็นเจ้า ตามความเชื่อของเราพระเป็นเจ้าทรงตอบสนองคำภาวนาของเราเสมอ “แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ” (ลก.18:7) ถ้ายามใดดูเหมือนว่าพระเป็นเจ้าไม่ตอบสนองคำภาวนาของเรา เราจงแน่ใจเถอะว่านั่นไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงลืมเราหรือไม่ช่วยเหลือเรา ตรงกันข้ามพระองค์ทรงประทานสิ่งที่ดีกว่าและสำคัญกว่าให้กับเรา เพราะพระองค์ทรงทราบว่าอะไรดี อะไรจำเป็นสำหรับเรา และทรงทราบความปรารถนาแท้จริงของเราก่อนที่เราจะวอนขอต่อพระองค์ เราต้องเชื่อและวางใจว่าพระประสงค์ของพระเป็นเจ้านั้นดี และจะสำเร็จตามเวลาที่เหมาะสมเสมอ แม้จะไม่ตรงกับความปรารถนาของเราก็ตาม

พระเยซูคริสตเจ้าทรงตรัสตอนท้ายๆของเรื่องนี้ว่า “แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ” (ลก.18:8) สิ่งที่พระองค์ตรัสก็น่าคิดอยู่เหมือนกันว่า “จะมีใครสักคนที่มีความพากเพียรในการสวดภาวนาด้วยความเชื่อและวางใจเช่นนี้หรือไม่” ขอให้พระวาจาของพระเจ้าเตือนใจเราให้เรามีความพากเพียรในการสวดภาวนาด้วยความเชื่อและวางใจในพระเป็นเจ้า โดยไม่หวังเห็นผลดั่งใจแต่ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า เพราะพระประสงค์ของพระองค์นั้นดีที่สุดสำหรับเราแน่นอน

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. ขอเชิญร่วมซ้อมขับร้องเตรียมฉลองคริสตมาสและฉลองวัด เริ่มเดือนตุลาคมวันเสาร์ หลังมิสซา
  2. ขอความร่วมมือจากเด็กๆและเยาวชนช่วยแสดงละครศักดิ์สิทธิ์คืนวันคริสตมาส ลงชื่อได้ที่หน้าวัด
  3. ขอให้เด็กๆที่อายุไม่เกิน 18 ปี ลงชื่อที่หน้าวัด เพื่อรับบัตรสอยดาวซึ่งจะจัดขึ้นในคืนวันที่ 24  ธ.ค. 2010
  4. ขอเชิญทุกๆครอบครัวลงชื่อและรายละเอียดของครอบครัว เพื่อรับของขวัญในคืนวันคริสตมาส ทางวัดจะแจกของขวัญครอบครัวละหนึ่งชิ้น
  5. ในช่วงวันคริสตมาส-วันฉลองวัด ทางวัดจะจัดกิจกรรมหลายอย่าง พี่น้องท่านใดมีความประสงค์จะช่วยทางวัดในด้านปัจจัยต่างๆที่จะใช้ในงาน อาทิ ของขวัญในวันคริสตมาส อาหารที่จะเลี้ยงกันในวันครอบครัว และเลี้ยงสัตบุรุษในวันฉลองวัด ให้มาติดต่อหรือมอบได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด และผอ.สภาอภิบาล
  6. วันอาทิตย์นี้ ขอเชิญผู้อ่านบทอ่านและผู้ที่สนใจจะช่วยอ่านบทอ่าน พบกันที่ศาลาเรือนไทย หลังมิสซาเวลา 10.30 น
  7. วันจันทร์ที่ 18 วันอังคารที่ 19 และวันพุธที่ 20 ต.ค. 2010 ขอเลื่อนมิสซาเป็นเวลา 17.30 น. เพราะจะมีสวดสายประคำตามบ้าน เวลา 19.00 น.

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.