สารวัด ฉบับที่ 872 วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553 เทศกาลธรรมดา

บอกเล่าให้ฟัง

เวลานี้วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิตของเรา มีสัตบุรุษมาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณมากขึ้น ก็ไม่ทราบว่าจะจริงอย่างที่พ่อเห็นหรือประมาณการไว้หรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราต้องช่วยกันสวดภาวนาโมทนาคุณพระเป็นเจ้า ที่ประทานพระพรให้แก่ชุมชนแห่งความเชื่อของเรา พี่น้องคงจะสังเกตเห็นแล้วว่าระยะหลังๆมานี้พ่อพยายามจัดโอกาส ให้กลุ่มกิจกรรม และกลุ่มองค์กรต่างๆได้มีโอกาสรวมกลุ่มพบปะกันมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกในชุมชนแห่งความเชื่อมีความสัมพันธ์รู้จักกัน และแสดงออกถึงบทบาทหน้าที่ของตนในการเสริมสร้างพัฒนาชุมชนแห่งความเชื่อมากขึ้น

พี่น้องพ่อเชื่อมั่นในพยานสอดส่องของพระเป็นเจ้า และความมีน้ำใจดีของพี่น้องทุกๆท่าน ถ้าเราร่วมมือกันพร้อมกับความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า เราจะสามารถนำพาชุมชนแห่งความเชื่อนี้ให้บรรลุเป้าหมาย นั่นก็คือเป็นชุมชนที่มีความเชื่อศรัทธาเข้มแข็ง พวกเราคงเห็นแล้วว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงและพัฒนา และสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องการความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องทั้งสิ้น เราต้องไม่นิ่งนอนใจเพราะเห็นว่าทุกสิ่งมีการขับเคลื่อนก้าวไปข้างหน้าทีละเล็กทีละน้อย พ่อไม่เคยคาดหวังให้ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนไปรวดเร็วเหมือนจรวด ตรงกันข้ามพ่ออยากเห็นการก้าวไปอย่างมั่นคงและรอบคอบ เพราะในขณะที่พระเป็นเจ้ากำลังทำงาน และเรากำลังร่วมมือกับพระองค์ ปีศาจมันก็ทำงานอย่างไม่หลับไม่นอนเหมือนกัน พระเป็นเจ้าทรงสร้างสรรค์ความดี ปีศาจมันพยายามทำลายล้างก่อให้เกิดความชั่ว เราจึงต้องดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ และต้องระวังมากๆในเรื่องความรู้ และความเชื่ออย่างผีปีศาจ ทุกๆครั้งที่มันพบกับพระเยซูคริสตเจ้ามันจะบอกว่ามันรู้ว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า และมันก็เชื่อเช่นนั้นจริงๆ แต่มันเป็นความรู้และความเชื่อของฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งโจมตีและทำลายล้าง

พี่น้องในขณะที่เรากำลังร่วมมือกับพระเป็นเจ้าทำในเรื่องที่ดีงาม บางครั้งอาจมีเรื่องแปลกๆไม่คาดฝันเกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์บ้างเป็นข่าวสารบ้าง ถ้าเราไม่แน่ใจหรือสงสัยอย่าลังเลที่จะเปิดพระคัมภีร์ขึ้นอ่าน ค้นหาความจริงจากคำสอนของพระศาสนจักร หรือไม่ก็ถามผู้ที่รู้จริง อย่าปล่อยให้ความสงสัยหรือความไม่แน่ใจสั่นคลอนความเชื่อของเรา พ่อเชื่อว่าพระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักรสามารถ ให้คำตอบที่ถูกต้องแท้จริงได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่มาจากใครที่ไหนก็ไม่รู้และหลายๆครั้งก็มากจากพวกที่ถูกพระศาสนจักรลงโทษ เพราะไม่เชื่อฟังและบิดเบือนคำสอนของพระศาสนจักรอีกด้วย แต่พระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักรนั้นสืบเนื่องมาจากอัครสาวก นั่นก็หมายความว่ามาจากองค์พระเยซูคริสตเจ้าเอง

จากคุณพ่อเจ้าวัด

พลังแห่งความเชื่อ

บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” (ลก.17:5) เบื้องหลังการทูลขอเช่นนี้ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าบรรดาอัครสาวกรู้สึกตนเองว่า พวกท่านมีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้าน้อยมาก และความเชื่ออ่อนแออย่างนี้มีพลังไม่มากพอ ที่จะช่วยให้พวกท่านฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆจนบรรลุเป้าหมายปลายทางได้ นอกนั้นเรายังอนุมานได้ว่าการทูลขอเช่นนี้แสดงว่า บรรดาอัครสาวกจะต้องมีประสบการณ์บ้างอย่างกับองค์พระเยซูคริสตเจ้า จนทำให้พวกท่านรู้สึกตนเองว่ามีความเชื่อน้อยเหลือเกิน เพราะฉะนั้นการพัฒนาความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพระองค์ และการมีความสุภาพที่จะยอมรับความอ่อนแอและความจำกัดของตน

ความเชื่อในชีวิตของคริสตชนอาจจะพิจารณาได้สองมุมมองใหญ่ๆ มุมมองที่หนึ่งบ้างคนเมื่อประสบความสำเร็จในชีวิตก็คิดว่าตนเองเก่งมีความสามารถ จนจองหองลืมตัวและลืมพระเป็นเจ้าที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งมวล ดังนั้นเมื่อมีอะไรความสำเร็จในชีวิตจงคิดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์เพราะฉันทำตามหน้าที่เท่านั้น” (ลก.17:10) มุมมองที่สองในขณะที่ชีวิตพบกับทางตัน เรากำลังเผชิญปัญหาหรืออุปสรรค์ต่างๆในการดำเนินชีวิตอาจจะมาจากครอบครัว หน้าที่การงาน ฯลฯ ทำให้ความเชื่อของเราคลอนแคลน จงถามตนเองว่าความเชื่อของเราอยู่ที่ไหน เราได้พึ่งพาพระเป็นเจ้าหรือไม่ เพราะพระเยซูคริสตเจ้าบอกกับเราว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และท่านพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า จงถอนรากแล้วไปขึ้นในทะเลเถิด ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” (ลก.17:6) ความเชื่อจึงเป็นพลังนำพาชีวิตของเราให้บรรลุเป้าหมายได้

ความเชื่อคือความมั่นใจในความหวังที่ยังมองไม่เห็นและยังไม่บรรลุผล เราวางใจว่าสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรานั้นดีแม้จะไม่ตรงกับความปรารถนาของเราก็ตาม เรามีความเชื่อถึงขั้นนี้ไหม แน่นอนที่สุดเราคริสตังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความเชื่อแล้ว แต่ความเชื่อของเราเข้มแข็งมีพลังมากพอหรือไม่ที่จะขับเคลื่อนชีวิตของเรา ให้ก้าวหน้าไปในหนทางของพระเจ้าซึ่งเป็นหนทางแห่งไม้กางเขนนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายๆคนคิดว่าตนเองมีความเชื่อแต่เมื่อพบกับปัญหาอุปสรรค์เข้าหน่อยก็หวั่นไหวเสียความเชื่อไปเสียแล้ว ถ้าเรามีความเชื่อเข้มแข็งจริงเราจะสามารถมองทุกๆเหตุการณ์ไม่ว่าดีหรือร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยสายตาแห่งความเชื่อ และพบว่าพระเป็นเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางเราคอยหนุนนำชีวิตของเราเสมอ คนที่จะมองเหตุการณ์ต่างๆอย่างนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งและวางใจในพระเป็นเจ้ามากๆ เราจึงต้องวอนขอให้เรามีความเชื่อเข็มแข็งเช่นเดียวกับที่บรรดาอัครสาวกวอนขอเสมอ เพื่อเราจะได้สามารถฟันฝ่าปัญหาอุปสรรค์ต่างๆ และรักษาความเชื่อไว้ได้จนถึงเป้าหมายปลายทาง

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. เดือนตุลาคม เป็นเดือนแม่พระ ผู้ใดมีความประสงค์ที่จะเชิญแม่พระและคณะสวดไปสวดตามบ้าน ลงชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และที่สังเกตที่ชัดเจนได้ที่หน้าวัด
  2. วันอาทิตย์นี้มีประชุมสภาภิบาลเตรียมฉลองคริสตมาสและฉลองวัด หลังมิสซา เวลา 10.30 น. เชิญสภาภิบาลประชุมโดยพร้อมเพรียง
  3. ขอเชิญร่วมซ้อมขับร้องเตรียมฉลองคริสตมาสและฉลองวัด เริ่มเดือนตุลาคมวันเสาร์ หลังมิสซา
  4. ค่ายกระแสเรียก — ค่าย “มิตรมารีย์ 2010” ของซิสเตอร์คณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์(ซิสเตอร์ซาเลเซียน) วันที่ 13 – 16 ต.ค. 2010 ณ บ้านสเตลลา มารีส ชะอำ จ. เพชรบุรี คุณสมบัติทั่วไป เป็นเด็กและเยาวชนหญิงแท้ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 จนถึงมหาวิทยาลัย วันอาทิตย์นี้ซิสเตอร์จะมาประชาสัมพันธ์ค่ายด้วยตนเอง

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.