สารวัด ฉบับที่ 846 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2553 อาทิตย์ที่ 1 เทศกาลปัสกา

บอกเล่าให้ฟัง

การแต่งงานสำหรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และไม่ใช่เรื่องของมนุษย์เท่านั้นแต่เป็นเรื่องของพระเป็นเจ้าด้วย เพราะฉะนั้นการแต่งงานที่ถูกต้องสำหรับพระศาสนจักรหมายถึงชายจริง หญิงแท้ที่มารับการอบรบให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เรื่องชีวิตแต่ง พันธสัญญาแห่งการแต่งงาน หน้าที่ของสามีและภรรยา หน้าที่ของบิดามารดา แล้วตัดสินใจอย่างอิสระมาทำพิธีแต่งงานต่อหน้าศาสนบริกร และพยานอย่างน้อย 2 ท่านในวัด ด้วยเหตุนี้เองใครก็ตามที่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา โดยไม่ได้ทำพิธีอย่างถูกต้องในวัดตามที่กฎหมายพระศาสนจักรกำหนดไว้ ไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานแต่เป็นการอยู่ด้วยกันฉันชู้สาว เป็นการทำผิดพระบัญญัติประการที่ 6 อย่าทำอุลามก บุคคลเหล่านี้จึงไปรับศีลอภัยบาป และรับศีลมหาสนิทไม่ได้จนกว่าจะพ้นจากสถานะบาปนั้น เพราะถ้าไปรับศีลอภัยบาป และรับศีลมหาสนิทก็ถือว่าเป็นการทำทุราจารศีลศักดิ์สิทธิ์ 2 ประการนี้ซึ่งเป็นการทำบาปหนักทบทวีขึ้นอีก

สำหรับการแต่งงานกับบุคคลที่ไม่ใช่คาทอลิก ถือว่าเป็นข้อขัดขวางที่ทำให้ไม่สามารถแต่งงานอย่างถูกต้องในวัดได้ ในปัจจุบันสามารถขออนุญาตต่อสังฆราช ให้ทำพิธีแต่งงานแบบต่างคนต่างถือศาสนาของตนได้ แต่ผู้ที่จะแต่งงานทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต้องมาหาพระสงฆ์เจ้าอาวาส เพื่อให้พระสงฆ์สอบสวนเสียก่อนเบื้องต้นว่า คู่ที่จะแต่งงานเป็นโสดหรือเคยแต่งงานมาก่อน รวมทั้งมีข้อขัดขวางอื่นๆหรือไม่ แล้วหลังจากนี้จึงทำเอกสารขออนุญาติ ในเรื่องนี้พวกเราต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะพระศาสนจักรยอมรับการแต่งงานของผู้ที่ไม่ใช่คาทอลิกทุกรูปแบบ ว่าเป็นการแต่งงานที่ถูกต้องเป็นพันธะตามธรรมชาติ แต่ไม่ยอมรับการหย่าร้างในรูปแบบใดๆทั้งสิ้น อาทิ การอยู่กินฉันสามีภรรยาอย่างเปิดเผยแม้ไม่มีพิธีการใดๆ การจดทะเบียนสมรส การจัดงานเลี้ยงแต่งงาน การผูกข้อมือ การไปสู่ขอ ฯลฯ การกระทำที่กล่าวมานี้และแบบอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการแต่งงาน ผู้ที่ไม่ใช่คาทอลิกที่ได้กระทำการเหล่านี้ถือว่าแต่งงานแล้ว และจะมาแต่งงานอย่างถูกต้องแบบคาทอลิกอีกไม่ได้ แม้จะมีใบหย่ามาแสดงก็ตาม

เมื่อการแต่งงานเป็นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พวกเราจึงต้องร่วมมือกันเอาใจใส่ลูกหลานของเรามากขึ้น เมื่อคบหากับใครถามเสียก่อนว่า โสดและสดจริงหรือเปล่าตามข้อแนะนำข้างต้น แต่ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแล้วอย่าเพิ่งท้อถอยใจพ่ายเสียก่อนนะครับ ไปหาพระสงฆ์ปรึกษาหารือ เพราะปัญหาทุกอย่างมีทางออกมีทางแก้ทั้งสิ้นเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ความเชื่อเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า

ความเชื่อเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า เป็นข้อความเชื่อที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ ถ้าปฏิเสธความเชื่อประการนี้ก็ถือว่าปฏิเสธข้อความเชื่อทั้งหมดของพระศาสนจักร เพราะข้อความเชื่อประการนี้ มีความสัมพันธ์กับความเที่ยงแท้ของข้อความเชื่อประการอื่นๆ นักบุญเปาโลสอนว่า “ถ้าพระเยซูคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์แล้วไม่ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชื่อที่พระศาสนจักร และท่านเทศน์สอนก็เป็นสิ่งหลอกลวงทั้งสิ้น” ปัญหาที่สำคัญและท้าทายคำสอนของพระศาสนจักรก็คือ พระเยซูคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจริงหรือไม่ ในพระคัมภีร์ที่เราอ่านพบก็มีหลักฐานข้อพิสูจน์เพียงว่า “พระคูหาว่างเปล่า ผ้าพันพระศพ และผ้าพันพระเศียรพับวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และมีพยานบางคนที่ไปเห็นด้วยตาของตนเอง” ( ยน.20:1-9) นอกจากนี้หลังจากกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระเยซูคริสตเจ้ายังได้ประจักษ์มาพบกับพวกสาวก และสั่งสอนพวกเขาอีกหลายเรื่อง แต่หลักฐานพยานเหล่านี้ไม่หนักแน่นพอที่จะยืนยันความจริง เพราะผู้พบเห็นพยานหลักฐาน ก็ล้วนเป็นศิษย์ของพระเยซูคริสตเจ้าทั้งสิ้น อีกทั้งพวกมหาสมณะยังจ้างพวกทหารยาม ที่เห็นเหตุการณ์ให้ปิดบังความจริงและป่าวประกาศความเท็จ “บรรดามหาสมณะ…ตกลงจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้ทหาร สั่งว่า ……จงพูดว่าบรรดาศิษย์ของเขามาขโมยศพไปในเวลากลางคืน ขณะที่เรากำลังหลับอยู่” ( มธ.28:12-13 )

การยืนยันความเชื่อเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า จึงไม่ใช่การยืนยันด้วยหลักฐาน แต่เป็นการยืนยันด้วยชีวิต อัครสาวกและสาวกของพระเยซูคริสตเจ้ายอมสละชีวิตคนแล้วคนเล่า เพื่อยืนยันความเชื่อว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจริง ในหนังสือกิจการอัครสาวกได้บันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้มากมาย อัครสาวกถูกขู่ห้ามไม่ให้ประกาศข้อความเชื่อนี้ ถูกทรมาน เฆี่ยนตี ถูกเบียดเบียนหมายเอาชีวิต แต่พวกท่านไม่เคยหยุดประกาศข้อความเชื่อประการนี้ พวกท่านคิดเสมอว่าต้องเชื่อพระเป็นเจ้าไม่ใช่เชื่อฟังมนุษย์ บทพิสูจน์ข้อความเชื่อเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพที่สำคัญจึงอยู่ที่ว่า “ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกพกลม คนจำนวนมากมายจะยอมตายยืนยันความจริงเรื่องนี้เพื่ออะไร และอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขากล้าหาญถึงขนาดยอมสละชีวิต”

พี่น้องในปัจจุบันมีหลายๆคนพยายามเขียนหนังสือ สร้างภาพยนต์เพื่อบิดเบือนความจริง เกี่ยวกับข้อความเชื่อที่พระศาสนจักรสอน เราต้องตั้งคำถามในความคิดทันทีว่า “ใครจะยอมตายเพราะเรื่องที่เขาโกหกกุขึ้นเอง” และ “คนที่เขียนหนังสือ และสร้างภาพยนตร์บิดเบือนความจริงเหล่านี้ เขากล้าสละชีวิตยืนยันความจริงที่เขาแต่งขึ้นหรือไม่” เราลองคิดถึงนักบุญเปโตร นักบุญเปาโล คุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กิจบำรุง และบรรดามรณสักขีที่ยอมพลีชีพมากมายของพระศาสนจักรซิครับ เราก็จะรู้ว่าความเชื่อของพระศาสนจักรเป็นความจริงเที่ยงแท้เพียงใด

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯจัดโครงการ “ศีลมหาสนิท ศูนย์กลางชีวิตครอบครัวและชีวิตพระสงฆ์” วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2010 ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ ขอเชิญคู่สมรสที่ต้องการรื้อฟื้นการสมรส ครบ 50 ปี (1960) ครบ 40 ปี (1970) ครบ 25 ปี (1985) และ คู่ที่ประสงค์ที่จะสมรสกัน และสามารถขออนุญาตยกเว้นข้อขัดขวางได้ทันกำหนดเวลา แจ้งชื่อ เบอร์โทรศัพท์ได้ที่หน้าวัด รายละเอียดและเอกสารติดต่อสอบถามได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด
  2. การสอนคำสอนภาคฤดูร้อนที่ทางวัดจัดขึ้น มีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร อาทิ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าผู้ปกครองและพี่น้องท่านใดต้องการสมทบทุนช่วยเหลือกิจการนี้ เชิญสมทบทุนได้ที่กล่องกลางวัดหรือมอบให้พ่อโดยตรงก็ได้ครับ
  3. วันอังคารที่ 6 – วันพฤหัสฯที่ 8 เม.ย. 2010 เป็นวันสัมมนาประจำปี และสับเปลี่ยนหน้าที่ของพระสงฆ์กรุงเทพฯ ของดมิสซาและขอคำภาวนาในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
  4. วันอาทิตย์ที่ 11 เม.ย. 2010 เป็นวันผู้สูงอายุของวัดเรา จะมีรดน้ำผู้ใหญ่และตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ
  5. ขอให้พี่น้องเอากระบอกมหาพรตที่ออมเงินมาคืนที่วัด เพื่อพ่อจะได้สามารถดำเนินการต่อไปอย่างรวดเร็ว

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.