สารวัด ฉบับที่ 823 วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2552 อาทิตย์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

บอกเล่าให้ฟัง

ในเดือนตุลาคมทางวัดได้จัดให้มีการไปสวดสายประคำตามบ้าน ในปีนี้มีครอบครัวชาวอินเดียเชิญพวกเราไปสวดสายประคำที่บ้าน ทำให้หลายๆคนมีโอกาสสวดเป็นภาษาอังกฤษ ความจริงก็เป็นโอกาสดีเหมือนกันที่ทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะฝึกฝนภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะมีบางคนมาขอบทภาวนาภาษาอังกฤษไปพ่อคิดว่าก็คงจะเอาไปหัดสวดนั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตามสวดภาวนาภาษาอะไรไม่สำคัญเท่ากับเราต้องสวดภาวนาอยู่เสมอ การสวดภาวนาเป็นการยกจิตใจขึ้นหาพระเป็นเจ้าสนทนากับพระองค์ ทำให้เรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสวดภาวนามากเท่าไรความสัมพันธ์ก็จะแนบแน่นและดีขึ้นเท่านั้น เหมือนกับสมาชิกในครอบครัว ครอบครัวใดมีเวลาทานอาหารด้วยกัน ทำกิจกรรมบางอย่างด้วยกันความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้นก็จะดีเพราะสมาชิกในครอบครัวมีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็นแก่กันและกันซึ่งเป็นที่มาของความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดี พ่อจึงปรารถนาที่จะเชิญชวนพี่น้องให้ฝึกฝนการทำจิตภาวนา คือการสวดภาวนาโดยใช้คำพูดที่ออกมาจากใจของเรา เหมือนเราคุยกับพ่อแม่เพื่อนๆหรือคนที่เรารัก การสวดภาวนาแบบนี้บ่อยๆจะทำให้เรามีประสบการณ์แห่งความเชื่อมากขึ้น พระเป็นเจ้าซึ่งสำหรับหลายๆคนอาจจะเป็นบุคคลที่อยู่ไกลแสนไกลก็จะกลายเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดเรา เป็นบุคคลที่เราคุ้นเคยสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

พ่อไม่อยากให้เราปล่อยให้วันเวลาซึ่งเป็นของประทานที่ล้ำค่าจากพระเป็นเจ้าผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เราต้องรู้จักเก็บเอาเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราไม่ว่าดีหรือร้ายมาพิจารณาไตร่ตรอง เหตุการณ์และเรื่องราวในชีวิตของคนๆหนึ่งเป็นเหมือนตำราเล่มใหญ่ที่เราสามารถอ่านและเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบสิ้น เรื่องราวหลายเรื่องที่เกิดขึ้นหรือพบเห็นในวัยเด็กถูกเล่าขานต่อกันมานำความชุ่มชื่นใจมาให้เราทุกครั้งที่ได้ยินหรือได้ฟัง เช่นบรรยากาศการสวดภาวนาในครอบครัวที่วัดพระวิสุทธิวงส์ (ลำไทร) เวลาที่แม่ของพ่อพาพ่อมาเยี่ยมอากงอาม่า ตอนค่ำๆพ่อจะเห็นอากงอาม่าของพ่อเรียกลูกหลานมาสวดภาวนาร่วมกันทุกวัน และเวลาที่เราเดินผ่านบ้านครอบครัวคริสตังเราจะได้ยินเสียงสวดภาวนาแทบทุกครอบครัว ปัจจุบันเสียงเหล่านี้หายไปไหนก็ไม่รู้สงสัยคริสตังนิยมสวดภาวนาในใจกันมากขึ้น ก็ขอให้เป็นอย่างที่พ่อคิดก็ยังดีกว่าไม่สวดภาวนาถึงแม้บรรยากาศที่น่ารักๆจะหายไปบ้างก็ตาม เวลาพ่อไปสวดภาวนาตามบ้านพ่อก็คิดถึงบรรยากาศเดิมๆที่พ่อเล่าให้ฟังนี้ และปารถนาจะให้มันกลับมาอีกครั้งหนึ่งในครอบครัวของเรา ถ้าเราสามารถนำเอาเรื่องดีๆอย่างนี้กลับมาได้พ่อเชื่อว่าความรักความอบอุ่นและสันติสุขจะตามกลับมาในครอบครัวของเราด้วย และสิ่งนี้เองจะเป็นภูมิคุ้นกันของครอบครัวและสมาชิกทุกคนจากความชั่วร้ายต่างๆ

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ความแน่วแน่ในการเปลี่ยนแปลงชีวิต

การกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิตจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อคนๆหนึ่งมีความปรารถนามุ่งมั่นที่จะละทิ้งสภาพเดิมๆ เข้าสู่สภาพใหม่ที่ดีขึ้น ถ้าสิ่งนี้ไม่มีหรือไม่เกิดขึ้นในชีวิตก็ยากที่คนๆนั้นจะถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ขอทานตาบอดคนนั้นเมื่อรู้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าเดินผ่านมา เขาร้องขอความช่วยเหลืออย่างมุ่งมั่นไม่ยอมหยุด “ข้าแต่พระเยซูโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด……..มีคนดุให้เขาเงียบ….แต่พระเยซูบอกให้ไปเรียกเขาเข้ามา….มีคนให้กำลังใจเขา ทำใจดีๆไว้ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า” (มก.10:47-50) ท่าทีการขอความช่วยเหลือของขอทานตาบอดคนนี้ แสดงให้เห็นนัยสำคัญหลายอย่างของการกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิต

ประการแรก ความมุ่งมั่นปรารถนาที่จะพ้นจากสภาพเดิมๆ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค์หลายอย่างเกิดขึ้น เขามองไม่เห็นพระเยซูคริสตเจ้า เขาไม่ทราบว่าพระองค์จะทรงยอมช่วยเหลือเขาหรือไม่ และมีหลายคนดุให้เข้าเงียบ แต่เขาไม่ท้อถอยถอดใจ เขายังคงหาวิธีการร้องตะโกนเสียงดังขึ้นขอความเมตตาจากพระองค์ต่อไป คริสตังหลายคนปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นแต่ก็เหมือนไฟไหม้ฟางพอเจออุปสรรค์เข้าหน่อยก็ถอดใจพ่าย อาทิ อยากมารับศีลอภัยบาปแต่จำสูตรการรับศีลอภัยบาปไม่ได้จึงไม่ไปรับศีลอภัยบาป คิดว่าจะมาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณแต่พอคิดถึงรถติดแล้วเปลี่ยนใจ อยากจะแต่งงานให้เรียบร้อยแต่พอเจอกับกระบวนการ การอบรม การสอบสวน ติดปัญหาบางเรื่องต้องใช้เวลาในการดำเนินการก็เลิกล้มความตั้งใจทันทีทั้งๆที่ยังไม่ได้แสดงความพยายามอะไรเลย แต่ก็มีคริสตังหลายคนเขาพยายาม แสดงน้ำใจดี มาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณเสมอ อะไรไม่รู้ก็ถามหาความรู้ บางคนดำเนินเรื่องการแต่งงานไว้หลายปีคอยติดตามเรื่องเสมอในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ

ประการที่สอง ความสุภาพถ่อมตนยอมรับว่าเราเป็นคนบาปเป็นคนอ่อนแอ กำลังของเรามีไม่พอที่จะช่วยตนเองให้รอดพ้นได้ต้องขอความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า ขอทานตาบอดคนนี้มีความสำนึกเช่นนี้อย่างเต็มเปี่ยมเขาจึงร้องขอความเมตตาจากพระเยซูคริสตเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน

ประการที่สาม กำลังใจจากบุคคลรอบข้างเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกันที่จะช่วยให้คนหนึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้ เราจะเป็นเหมือนคนๆนั้นไหมที่ให้โอกาส ความเข้าใจ และความหวังแก่บุคคลรอบข้างและบุคคลใกล้ชิด ประโยคที่คนๆนั้นพูดกับขอทานตาบอดเป็นดุจน้ำทิพย์ชโลมใจให้เขามีแรงลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง “ทำใจดีๆไว้ลุกขึ้น พระอาจารย์เรียกเจ้าแล้ว”

ประการที่สี่ ยอมละทิ้งความเคยชิน นิสัยไม่ดีสภาพเดิมๆ เหมือนขอทานตาบอดคนนี้ที่สลัดเสื้อคลุมตัวเก่าทิ้งไปและโผเข้าไปหาองค์พระเยซูคริสตเจ้าซึ่งเปรียบเสมือนเสื้อใหม่และชีวิตใหม่พวกเราคงจำเสื้อขาวในวันรับศีลล้างบาปของเราได้ เราสัญญาที่จะละทิ้งเสื้อเก่า สวมเสื้อขาวตัวใหม่และจะพยายามรักษาไว้ให้สะอาด ใครที่ปล่อยตัวจมปลักอยู่กับสิ่งเดิมๆ ไม่ยอมลุกขึ้น ไม่ยอมสลัดทิ้งก็ไม่มีทางกลับใจได้ ถ้าเขาไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ใครก็เปลี่ยนเขาไม่ได้

ประการที่ห้า ความกระตือรือร้นคอยโอกาส เมื่อประสบโอกาสเหมาะก็ฉกฉวยไว้ทันที เหมือนขอทานตาบอดคนนี้ เขาคอยโอกาสอยู่นานแล้วเมื่อมีคนเปิดโอกาสให้เขากระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูคริสตเจ้าทันที

ขอให้พระวาจาของพระเจ้าเตือนใจเรา ให้มีความกระตือรือร้นที่จะใช้เวลาและโอกาสที่ประเป็นเจ้าประทานให้อย่างเต็มที่ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้าอยู่เสมอ

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์ต้นเดือนหลังมิสซามีโปรดศีลล้างบาป ผู้ใดต้องการพาเด็กมารับศีลล้างบาป ขอให้แจ้งและกรอกข้อมูลล่วงหน้า ใบกรอกข้อมูลรับได้ที่บ้านพักพระสงฆ์
  2. คืนวันคริสตมาสจะมีละครศักดิ์สิทธิ์ เชิญเด็กๆมาลงชื่อเล่นและซ้อมได้ที่หน้าวัด
  3. ขอให้เด็กๆที่เรียนไม่เกินชั้น ม. 3 มาลงชื่อเพื่อรับของขวัญในคืนวันคริสตมาสได้ที่หน้าวัด
  4. ในช่วงวันคริสตมาส-วันฉลองวัด ทางวัดจะจัดกิจกรรมหลายอย่าง จึงขอรับบริจาคปัจจัยต่างๆที่จะใช้ในงาน อาทิ ของขวัญในวันคริสตมาส อาหารที่จะเลี้ยงกันในวันครอบครัว และเลี้ยงสัตบุรุษในวันฉลองวัด ให้มาติดต่อหรือมอบได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด และผอ.สภาอภิบาล
  5. วันเสาร์ที่ 31 ต.ค. 2009 เขต 2 จัดฉลองปีพระสงฆ์ ณ วัดมารีย์สวรรค์ ดอนเมือง เริ่มพิธีการเวลา 9.00 น. ทางวัดจะจัดรถบริการให้ ผู้ที่จะไปกับทางวัดลงชื่อได้ที่หน้าวัด

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.