สารวัด ฉบับที่ 781 วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม 2552 สมโภชพระคริสต์แสดงองค์

“คุกเข่าลงนมัสการ แล้วเปิดหีบสมบัติเอาทองคำ กำยาน และมดยอบมาถวายแด่พระองค์”

วันนี้ เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว เป็นข่าวยิ่งใหญ่ไปทั่วแถบแว่นแคว้นยูเดีย ที่มีคนยิ่งใหญ่มีบุญเกิดมา นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ติดตามดาวประจำตัว มาจากสารทิศต่างๆ เพื่อจะได้พบและนมัสการบุคคลนั้น ความยากลำบาก อุปสรรค วันเวลา และภยันตรายใดๆไม่ได้เป็นเครื่องขวางกั้น และนี่จึงเป็นเครื่องหมายสำคัญ และพยานสำคัญถึงการมาของพระบุตรของพระเจ้า พระผู้ไถ่กู้ที่ชาวโลกรอคอย ดังที่ท่านประกาศกอิสยาห์ได้เขียนไว้แล้ว

” เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และพระสิริรุ่งโรจน์ขึ้นมาเหนือเจ้า เพราะว่า ดูเถิด ความมืดจะปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบจะปกคลุมประชาชาติทั้งหลาย แต่พระเจ้าจะเสด็จขึ้นมาเหนือเจ้า และเขาจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เหนือเจ้า บรรดาประชา ชาติจะมายังความสว่างของเจ้า และพระราชาทั้งหลายมาสู่ความสดใสของเจ้า จงเงยหน้ามองรอบๆ เขาเหล่านั้นมาด้วยกัน ทุกคนมาหาเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้าจะมาจากที่ไกล เขาจะอุ้มบุตรหญิงของเจ้ามาแล้ว เจ้าจะเห็นความปลาบปลื้มใจเจ้าจะตื่นเต้นและเปรมปรีดิ์ เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะหันมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติจะมายังเจ้า เหล่าอูฐจะมาห้อมล้อมเจ้า เหล่าอูฐจากมีเดียนและเอฟาห์ เขาเหล่านั้นจะมาจากเชบา เขานำทองคำ และกำยานมา และจะบอกข่าวดีถึงกิจการอันน่าสรรเสริญของพระเจ้า” (อสย 60:1-6)

จึง เป็นเรื่องน่ายินดี และชื่นชมของคริสตชนและคนทั่วโลก ที่ได้เฉลิมฉลองพระพรพิเศษหรือของขวัญประเสริฐจากพระเจ้า ไม่ต้องรอคอย ไม่ต้องไปเสาะหา ไม่ต้องดั้นด้นเดินทางฟันฝ่าอุปสรรคใดๆ เพราะองค์พระเจ้าผู้ไถ่กู้ชาวเรา ได้มาอยู่ท่ามกลางเราแล้ว ได้มาสถิตและประทับในศีลมหาสนิททุกวันคืน ไฉนเลยชาวเราจะไม่ยินดี หรือละเลยโอกาสสำคัญอันนี้ไปเสีย วันของพระเจ้าช่างยิ่งใหญ่และงดงามนัก

พี่ น้อง ลุกๆของพระชนนีของพระเป็นเจ้ารังสิตที่รัก เราจึงมีบุญโขและโชคดียิ่งนัก เรามีโอกาศฉลองวันพระคริสตสมภพอย่างยิ่งใหญ่ที่วัดของเรา เราได้ฉลองรื่นเริงทั้งภายในและภายนอก เรายังแถมได้ฉลองพระวิหารของพระเป็นเจ้า ที่มีนามพระแม่มารี มารดาพระเจ้าเป็นองค์อุปถัมภ์อีกด้วย แล้วไฉนหนอ เราจึงจะไม่รักและขอบพระคุณพระเจ้าอยู่ทุกเวลา นี่แหละจึงเป็นเครื่องหมายว่า เราจะซื่อสัตย์ติดตามและนมัสการพระเจ้า เสมอเหมือนท่านโหราจารย์ หรือพญาสามองค์จากแดนไกล

ขอพระกุมารเจ้าอวยพร และตอบแทนความซื่อสัตย์และวางใจในพระเจ้า

คุณพ่อยอห์นบัปติส ไพโรจน์ เกตุรัตน์

ประกาศและปฏิทินประจำสัปดาห์

  1. ขอขอบคุณพระเป็นเจ้าและพี่น้องทุกท่าน ที่ได้ภาวนาวอนขอ และร่วมมือกันจัดให้งานวันฉลองพระคริสตสมภพ และวันฉลองวัดเทิดพระเกียรติพระนางมารี พระชนนีของพระเป็นเจ้า องค์อุปถัมภ์ของวัดเราได้สง่างาม สมพระเกียรติพระเจ้าและพระแม่มารี และเป็นที่ประทับใจของทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนั้น ขอพระเจ้าและพระนางมารีโปรดอวยพร และสนองคำภาวนาของท่าน ให้สมคำมุ่งหวังตลอดปีใหม่ 2009 นี้เทอญ
    ” คุณพ่อเจ้าวัดและสภาอภิบาลปี 2009 ” (พบกันใหม่ ในโอกาสฉลองครบรอบชุมชนคริสตชน 50 ปี)
  2. เชิญร่วมงานฉลองวัด วัดนักบุญเปาโล บ้านนา นครนายก และร่วมพิธีบวชเป็นพระสงฆ์ของ สังฆานุกร เปาโล ศวง วิจิตรวงศ์ (สัตบุรุษวัด เซนต์ร็อค ท่าไข่) ในวันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2009 (10.30 น.)
  3. งดมิสซาวันจันทร์ที่ 5 ถึงวันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2009 เนื่องจากพระสงฆ์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ไปเข้าเงียบประจำปีที่ สามพราน ถ้าพี่น้องมีเรื่องเร่งด่วนด้านศีลศักดิ์สิทธิ์ โปรดติดต่อที่บ้านคณะ OMI / วัดพระแม่มหาการุนย์ หรือที่วัดบ้านเซเวียร์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือที่บ้านผู้หว่านสามพราน
  4. ฝ่ายสังคมฯและงานแพร่ธรรมของวัดร่วมกับสภาอภิบาลและพลมารี จัดไปเยี่ยมเยียนและแพร่ธรรม อบรมให้ความรู้ด้านคริสตศาสนาแก่คาทอลิก และผู้สนใจทุกเดือน เวลา 9.00 – 11.00 ดังนี้
    1. วันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2009 ที่ทัณสถานวัยหนุ่มธัญบุรี
    2. วันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2009 ที่เรือนจำปทุมธานี

มุมพระคัมภีร์

สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ (มัทธิว 2:1-12)

สถานที่ประสูติ

“พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย” (มธ 2:1) “เบธเลเฮม” แปลว่า “บ้านแห่งขนมปัง” เดิมชื่อเอฟราธาห์ อยู่ห่างจากรรุงเยรูซาเล็มไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นที่ฝังศพของนางราเคลภรรยาของยาโคบ (ปฐก 48:7) เป็นที่อาศัยของนางรูธหลังแต่งงานกับโบอาซ และได้ให้กำเนิดโอเบด ผู้เป็นบิดาของเจสซี ซึ่งเป็นบิดาของดาวิด (นรธ 1:22) เหนืออื่นใด เบธเลเฮมเป็นเมืองของกษัตริย์ดาวิด (1 ซมอ 16:1; 17:12; 20:6) ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะส่ง “พระผู้ช่วยให้รอด” มาจากเชื้อสายและมาจากเมืองของพระองค์ ดังที่ประกาศกมีคาห์ทำนายไว้ว่า “เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เมืองที่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา” (มคา 5:2)

นักบุญจัสติน ปิตาจารย์ผู้เกิดใกล้เบธเลเฮมราวปี 100 บันทึกไว้ว่าชาวเมืองเบธเลเฮมนิยมเจาะภูเขาเป็นที่พักอาศัย และมักเจาะหินใต้บ้านให้กลวงเป็นถ้ำเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ เป็นไปได้มากว่าพระเยซูเจ้าประสูติในถ้ำหินสำหรับเลี้ยงสัตว์นี้ (Justin Martyr: Dialogue with Trypho, 78, 304)

โหราจารย์

เฮโรโดตัส นักประวัติศาสตร์กล่าวถึง”โหราจารย์”ไว้ว่า เดิมทีเป็นชาวมีเดียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเปอร์เซีย เคยก่อการกบฏแต่ล้มเหลวจึงเลิกสนใจอำนาจบ้านเมือง แล้วหันมาทำหน้าที่”สงฆ์”ในเปอร์เซีย ดุจเดียวกับตระกูลเลวีซึ่งทำหน้าที่”สงฆ์” ในอิสราเอล พวกเขาพลิกบทบาทจากนักรบมาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และผู้รู้ ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชา สอน และให้คำแนะนำแก่กษัตริย์เปอร์เซีย

สมัยก่อนโหราศาสตร์มีบทบาทต่อมนุษย์สูงยิ่ง พวกเขาเชื่อว่าดาวทุกดวงต่างเคลื่อนไปตามวงโคจรของมันโดยไม่เปลี่ยนแปลง หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดปรากฏการณ์พิเศษขึ้น ย่อมหมายความว่า “พระเจ้าทรงฝืนระเบียบธรรมชาติ เพื่อจะบอกบางสิ่งแก่มนุษย์เป็นพิเศษ” เราอาจแปลกใจที่โหราจารย์ เดินตามดาวจากแดนไกล เพื่อมานัมสการกษัตริย์ถึงเยรูซาเร็ม แต่นี่เป็นเรื่องปกติของคนสมัยก่อน จึงไม่ควรด่วนสรุปว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงตำนานเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญ มีหลักฐานระบุว่ากระแสเฝ้าคอยการเสด็จมาของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แพร่หลายทั่วไปในช่วงเวลาเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าประสูติ แม้แต่นักประวัติศาสตร์โรมันอย่างเช่น ซูเอโตนีอุสยังเขียนไว้ว่า “มีความเชื่อเก่าแก่แพร่สะพัดไปทั่วตะวันออกว่า จะมีคนจากยูดาห์มาปกครองโลก” (Suetonius: Life of Vespasian, 4:5) ตาซีตุสยืนยันเช่นกันว่า มีความเชื่อมั่นว่า”ช่วงเวลานี้ ตะวันออกจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ ผู้ปกครองจากยูดาห์จะครอบครองอาณาจักรทั่วโลก” (Tacitus: Histories, 5:13) ส่วนชาวยิวนั้นเชื่ออยู่แล้วว่า “ช่วงเวลานี้ จะมีผู้ปกครองโลกออกจากประเทศของตน” (Josephus: War of the Jews, 6:5,4)

เฮโรด

เป็นลูกครึ่งระหว่างยิวและอีดูเมียน เคยร่วมมือกับโรมระหว่างสงครามกลางเมืองในปาเลสไตน์ จนได้รับความไว้วางใจแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการเมื่อ 47 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อมาอีก 7 ปีได้รับสถาปนาเป็นกษัตริย์จนสิ้นพระชนม์ในปีที่ 4 ก่อนคริสตศักราช รวมระยะเวลาที่ทรงราชย์นาน 36 ปี เฮโรดได้รับการขนานนามว่า”มหาราช” ซึ่งสมควรอย่างยิ่งเพราะพระองค์ทรงทำให้บ้านเมืองมีระเบียบ และเกิดความสงบสุขอย่างแท้จริง ทรงเป็นนักก่อสร้างผู้เก่งกาจ พระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มก็เป็นผลงานของพระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีน้ำพระทัยกว้างขวาง ยามประชาชนเดือดร้อนก็ทรงลดภาษีให้ และเมื่อประชาชนอดอยากแร้นแค้นใกล้อดตาย เพราะความกันดารแห้งแล้งอย่างหนักเมื่อ 25 ปีก่อนคริสตศักราช ทรงสั่งให้หลอมจานทองคำ เพื่อนำไปซื้อข้าวโพดเลี้ยงพสกนิกรของพระองค์

แต่ข้อเสียของเฮโรดคือทรง”ระแวงสงสัย” ว่าจะถูกแย่งชิงบัลลังก์อย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งเมื่อพระชนมายุมากขึ้นความระแวงสงสัยก็ยิ่งทวีมากขึ้นจนกลายเป็น”คนแก่น่ากลัว”ไปในที่สุด ทรงกำจัดทุกคนที่สงสัยว่าจะเป็นคู่แข่งชิงอำนาจกับพระองค์ ไม่เว้นแม้แต่มารีอัมเนภรรยา และอเล็กซานดรามารดาของพระนาง อันตีปาแตร์โอรสหัวปี รวมถึงโอรสอีก 2 พระองค์คืออเล็กซานเดอร์และอริสโตบูลุสก็ไม่รอดพ้นจากการประหาร จนจักรพรรดิออกัสตัส แห่งกรุงโรมเอ่ยว่า “เป็นหมู (hus-ฮูส) ของเฮโรดยังปลอดภัยกว่าเป็นบุตร (huios-ฮุยออส) ของเฮโรด” เมื่อพระชนมายุ 70 พรรษา ทรงเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดร้องไห้เป็นทุกข์เมื่อสิ้นพระชนม์ จึงทรงสั่งให้จับกุมและกักขังผู้มีชื่อเสียงของเยรูซาเล็มไว้ จำนวนหนึ่งด้วยข้อหาที่กุขึ้นมาเอง พร้อมทั้งกำชับให้ประหารทุกคนทันทีที่สิ้นพระชนม์ เพื่อให้ประชาชนเป็นทุกข์และร้องไห้ ! เราคงคาดเดาความรู้สึกของเฮโรดได้ไม่ยาก เมื่อโหราจารย์ถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด” ?! (มธ 2:2)

บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์

ที่ประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะประกอบด้วยมหาสมณะที่เกษียณแล้วทุกคน และผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกของตระกูลชั้นสูงเพียงไม่กี่ตระกูลให้เป็นหัวหน้าสมณะแบบผูกขาด ส่วนธรรมาจารย์คือผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์และกฏหมาย

ทันทีที่พระเยซูเจ้าประสูติ ปฏิกิริยาของมนุษย์แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอย่างเห็นได้ชัด

1. เกลียดและเป็นศัตรู

เฮโรดกลัวว่าพระกุมารจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิต ตำแหน่ง อำนาจและอิทธิพลของพระองค์ จึงพยายามหาช่องทางกำจัดพระกุมารให้พ้นไปจากชีวิตของพระองค์ เช่นเดียวกับเฮโรด ยังมีคริสตชนอีกมากที่พร้อมกำจัดพระเยซูเจ้าออกไปจากชีวิต เพราะเห็นว่าพระองค์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของตนจนไม่อาจทำอะไรตามใจชอบได้อีกต่อไป

แต่อย่าลืมว่าคนที่ทำอะไรตามใจชอบนั้นหาได้มีคุณค่าหรือประโยชน์อันใดไม่ เขาเป็นเพียง “ทาส” อารมณ์ของตนเองเท่านั้น ! ส่วนคริสตชนแท้ต้องเป็นคนที่ดำเนินชีวิต เหมือนพระคริสตเจ้า และพร้อมอุทิตตนเพื่อพระอาณาจักรของพระองค์ ดังนั้น สิ่งที่เราพึงวอนขอก่อนอื่นใดหมด คือ “พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์” (มธ 6:10)

2. เฉยๆ

บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์มัวสลวนอยู่กับการประกอบพิธีกรรมในพระวิหาร และถกเถียงกันเรื่องกฏหมาย จนไม่เห็นพระเยซูเจ้าอยู่ในสายตา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าพระองค์ประสูติในเมืองเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย แต่พวกเขากลับ “เฉย” พระองค์จะประสูติที่ไหนหรือ เมื่อใด ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ! ทุกวันนี้ คริสตชนจำนวนไม่น้อยยังประพฤติตน เช่นเดียวกับหัวหน้าสมณะ และธรรมาจารย์ นั่นคือสลวนอยู่กับธุรกิจของตนจนพระเยซูเจ้าไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขาลืมไปว่า “สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือองค์พระเยซูเจ้า” ไม่ใช่กิจการ หรือพิธีการ หรือโครงการอื่นใดทั้งสิ้น !

ขอให้คำถามของประกาศกเยเรมีดังก้องอยู่ในจิตใจของเราเสมอ “ดูก่อน ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่เกิดความรู้สึกอะไรบ้างหรือ” (พคค 1:12)

3. ชื่นชมยินดีและนมัสการ

“เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก พวกเขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์” (มธ 2:10-11) พวกเขา นำสิ้งที่ดี ที่สุดในชีวิตมาถวายแทบพระบาทของพระเยซูเจ้าเพื่อนมัสการพระองค์

แน่นอนว่า หากเราตระหนักถึงความรักของพระเจ้าที่ทรงแสดงออกในองค์พระเยซูเจ้าแล้ว สิ่งเดียวที่ทุกคนสามารถทำได้คือ “รักและนมัสการพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจ” เท่านั้น ! เนื่องจากมีของขวัญ 3 อย่าง ตำนานจึงถือว่ามีโหราจารย์ 3 องค์ได้แก่ เมสกีออร์ผู้ถวายทองคำ คาสเปอร์ผู้ถวายกำยาน และบัลธาซาร์ผู้ถวายมดยอบ ของขวัญทั้ง 3 สิ่งยังบ่งบอกถึงชีวิต และภารกิจของพระกุมารในอนาคตอีกด้วย

1. ทองคำ

ทองคำเป็นราชาแห่งโลหะ (King of metals) จึงเหมาะสำหรับกษัตริย์ ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงบังเกิดมา “เพื่อเป็นกษัตริย์” เพียงแต่ทรงปกครองด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยกำลัง และทรงครองจิตใจมนุษย์ไม่ใช่จากพระราชวัง แต่จากไม้กางเขน !!

2. กำยาน

กำยานเป็นสิ่งที่พระสงฆ์ใช้ในพิธีกรรม คำ priest (พระสงฆ์) มาจากภาษาลาติน pontifex (ปอนตีเฟ็กซ์) หมายถึง “ผู้สร้างสะพาน” นั่นคือ พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมา “เพื่อเป็นพระสงฆ์” หน้าที่ของพระองค์คือเปิดหนทางสู่พระเจ้า และสร้างสะพานเชื่อมระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ หากปราศจากพระองค์ หนทางสู่พระเจ้าย่อมมืดมนและถูกตัดขาด !

3. มดยอบ

มดยอบใช้สำหรับชโลมศพ !

วันนี้พระกุมารประสูติมาเพื่อเรา วันหน้าพระองค์ยังจะสิ้นพระชนม์เพื่อเราอีก

พระองค์ทรงบังเกิดมาเพื่อมอบทั้งชีวิต และความตายของพระองค์แก่เรา พระองค์ทรงเป็น “พระผู้ไถ่” สำหรับชาวเราโดยแท้

จากของขวัญที่โหราจารย์นำมาถวาย เรารู้และมั่นใจได้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เป็นมหาสมณะสูงสุด และเป็นพระผู้ไถ่ของชาวเราทุกคน

เราจะเป็นเฮโรด มหาสมณะ หรือ โหราจารย์ ก็เลือกเอา !

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.