ฉบับที่ 897 วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2554 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต

บอกเล่าให้ฟัง

นักเขียนท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นในบทความของท่านไว้อย่างน่าฟังว่า “ใครก็ตามที่มีความคิดอยู่เสมอว่า ฉันรู้แล้ว” คนๆนั้นก็ปิดประตูตายสำหรับการเรียนรู้ทุกชนิด คนเช่นนี้ไม่ใช่ปราชญ์ที่มีความรอบรู้ แต่เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาที่อวดรู้ในทุกเรื่อง ความรู้เกิดจากการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พิจารณาความคิดเห็นที่แตกต่างจากของตน เพราะสิ่งที่เราคิดว่ารู้แล้วอาจจะเป็นความเข้าใจที่ผิดถ้าเทียบกับความคิดเห็นที่ต่างจากความคิดของตนอย่างสมเหตุสมผล นอกนั้นบนโลกใบนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่มนุษย์ค้นยังไม่พบ จึงมีสิ่งใหม่ๆความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ เราจึงต้องเปิดความคิดเปิดใจพิจารณาสิ่งใหม่ๆ และความเป็นไปบนโลกใบนี้ด้วยวิจารณญาณที่ถูกต้องเที่ยงตรง อย่าปิดประตูแห่งการเรียนรู้ของเราเลยเพราะไม่มีใครมีอายุมากเกิดกว่าที่จะเรียนรู้ได้ ความรู้เกิดจากการเรียนรู้ ซึ่งอาจมาจากการศึกษาจากตำราและประสบการณ์ที่เราประสบในชีวิต ความชำนาญเกิดจากการฝึกฝน เพราะฉะนั้น การทำบ่อยๆซ้ำๆจึงเป็นกลไกที่เสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ ในวันฉลองท่านนักบุญโยเซฟ คุณพ่อท่านหนึ่งท่านแต่งบทสร้อยขึ้นเพื่อถวายเกียรติแด่ท่านนักบุญโยเซฟว่า “สิ่วกับไม้ในมือ คืองานที่ท่านทำ งานที่ทำประจำ ความยากอยู่ตรงนั้น ความดีทำซ้ำๆ…..คือคุณธรรม” ก็น่าคิดอยู่เหมือนกันสำหรับการเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม

สำหรับผู้ที่ใฝ่ดีเรื่องอย่างนี้เขียนไปหรือพูดไปแล้ว ถ้าเขาได้อ่านหรือได้ฟังก็ถือว่าเป็นขุมทรัพย์ที่ประเทืองปัญญาสำหรับเขา แต่สำหรับอีกหลายๆคนพูดไปก็เท่านั้นพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง เพราะสภาพของคนแต่ละนั้นต่างๆกันไป พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า บัวใต้โคลนตรมก็กลายเป็นอาหารของเต่าปูปลาไปสอนไม่ได้ บัวใต้น้ำก็ยากที่จะสอนหรือเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา บัวปลิ่มน้ำคนแบบนี้ยังพอมีความหวังอยู่บ้างถ้ามีอะไรมากระตุ้น บัวพ้นน้ำพวกนี้คือคนที่มีคุณภาพพร้อมที่จะเรียนรู้ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่มีค่าของสังคมหรือบัวพ้นน้ำที่เป็นประโยชน์ สามารถใช้ถวายพระ และประดับโลกให้งดงาม พระเยซูคริสตเจ้าทรงแบ่งคนเหมือนกับดินสี่ประเภทเหมือนกัน แถมยังมีคำอธิบายดินแต่ละประเภทไว้อย่างชัดเจนด้วย พื้นดินที่เป็นทางเดินเมื่อเมล็ดข้าวตกลงก็จะกลายเป็นอาหารของนกกาไป คนประเภทนี้อย่าเสียเวลาไปสอนอะไรเลยเปล่าประโยชน์เหมือนเอาน้ำไปรดหัวตอ พื้นดินปนหินคนพวกนี้ก็เอาดีไม่ได้เพราะการกระทำของเขาจะเหมือนไฟไหม้ฟาง ลุกโชนเพียงพักเดียว หรือตื่นเต้นเป็นพักๆ พื้นดินที่มีกอหนามขึ้นอยู่คนพวกนี้พอมีความหวังอยู่บ้างแต่ต้องมีการกระตุ้นให้เขาเกิดความกล้าหาญในการเผชิญกับปัญหา กระตุ้นให้เขามีความเพียรอดทน ความดีงามของชีวิตก็อาจจะงอกเงยขึ้นมาได้บ้าง พื้นดินที่เป็นดินดีเมื่อเมล็ดข้าวตกลงจะงอดขึ้นและเกิดดอกออกผล คือคนใฝ่ดีที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมมากบ้างน้อยบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย ใครจะเป็นอย่างไรแบบไหนบังคับกันไม่ได้หรอกตัวเขาต้องปรารถนาที่จะเป็นเอง เพราะฉะนั้นพระเยซูคริสตเจ้าจึงลงท้ายคำอุปมานี้ว่า “ใครมีหูก็จงฟังเอาเถิด” 

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ความหิวกระหายของมนุษย์

มนุษย์มิได้หิวกระหายอาหารและน้ำเท่านั้น แต่มนุษย์ยังหิวกระหายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขาดหายไปจากชีวิตด้วย อาทิ ความรัก ความยุติธรรม สันติสุข อิสรภาพ ฯลฯ ความหิวกระหายของมนุษย์เกิดจากสาเหตุหลายประการ อาทิ หิวกระหายอาหารและน้ำ เราต้องให้อาหารและน้ำ ถ้าขาดความรักความอบอุ่น เราต้องเติมเต็มความรักความอบอุ่น ถ้ามันเกิดจากกิเลสความโลภการไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ เราก็ต้องรู้จักละวางชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ร่างกายต้องหล่อเลี้ยงด้วยอาหารและน้ำอย่างเพียงพอและมีประโยชน์ฉันใด จิตวิญญาณก็ต้องหล่อเลี้ยงด้วยอาหารและน้ำฝ่ายจิตวิญญาณที่เพียงพอและมีประโยชน์ฉันนั้น “พระเจ้าทรงเป็นจิต ผู้ที่นมัสการพระองค์ จะต้องนมัสการด้วยจิตและความจริง”(ยน.4 :24) “มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า”(มธ.4:4)

พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า พระองค์เป็นอาหารและน้ำทรงชีวิต “ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้นจะไม่กระหายอีก น้ำที่เราจะให้เขา จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขาไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร”(ยน.4:14) “เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต”(ยน.6:51) พระวาจาของพระเจ้าที่อ้างถึงนี้แสดงให้เห็นว่า อาหารและน้ำสามารถดับความหิวกระหายฝ่ายร่างกาย แต่สิ่งที่จะดับความหิวกระหายฝ่ายจิตวิญญาณของมนุษย์ได้อย่างแท้จริงคือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเองซึ่งเป็นอาหารและน้ำทรงชีวิต มนุษย์พยายามแสวงหาเติมเต็มชีวิตของตนเองอยู่เสมอด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อตอบสนองสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตเพราะมนุษย์ทำบาป อาทิ ความรักและสันติสุขที่แท้จริงฯลฯ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเติมเต็มได้ เพราะความดีงามล้วนมาจากพระเจ้า บาปทำให้มนุษย์เหินหางจากพระองค์ มนุษย์จึงต้องกลับไปหาพระองค์ผู้เป็นต้นธารแห่งความดีทั้งปวงจึงจะสามารถเติมเต็มชีวิต และดับความหิวกระหายได้อย่างแท้จริง

ที่บ่อน้ำของยาโคบพระเยซูคริสตเจ้าทรงขอน้ำดื่มจากหญิงชาวสะมาเรีย “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด”(ยน.4:7) การขอน้ำจากหญิงชาวสะมาเรียทำให้เราเห็นนัยสำคัญที่แฝงอยู่ในกิจการของพระองค์ ท่ามกลางความหิวกระหายความต้องการของมนุษย์ พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราเป็นเครื่องมือของพระองค์ ที่จะช่วยดับความหิวกระหายเติมเต็มในส่วนที่มนุษย์ขาดไป ด้วยจิตตารมณ์แห่งความรักและการแบ่งปัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม “ท่านเป็นชาวยิว ทำไมจึงขอน้ำจากดิฉัน ซึ่งเป็นชาวสะมาเรียเล่า”(ยน.4:9) นักบุญฟรังซิส อัส ซีซี ได้รำพึงถึงเรื่องนี้และประพันธ์บทภาวนาไว้อย่างน่าฟังว่า “ที่ใดมีความเกลียดชัง ให้เรานำความรัก ……. ที่ใดมีความสิ้นหวัง ให้เรานำความหวัง ที่ใดมีความมืดมน ให้เรานำแสงสว่าง ที่ใดมีความโศกเศร้า ให้เรานำความชื่นชมยินดี” เราจะสามารถเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการแบ่งปันความดีงามเหล่านี้ได้ ก็ต่อเมื่อเราต้องมีและต้องเป็นอย่างพระองค์ พระศาสนจักรจึงแนะนำให้เราทำกิจการต่างๆในเทศกาลมหาพรต เพราะปรารถนาให้เรามีชีวิตชิดสนิทกับพระเจ้าและเป็นเหมือนกับพระองค์มากขึ้น โดยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ปราบความเห็นแก่ตัว จุนเจือผู้ขัดสน บำเพ็ญตนมีเมตตากรุณา ตามแบบอย่างของพระองค์ ขอให้เราใช้เวลาในเทศกาลมหาพรตในการฝึกตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อเราจะสามารถเป็นเครื่องมือในการเผยแผ่ความรักของพระเจ้าไปจนสุดปลายแผ่นดิน

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันจันทร์ที่ 28 มี.ค. 2011 เด็กๆที่ลงชื่อไว้เริ่มเรียนคำสอน เวลา 8.30 น.
  2. วันอาทิตย์ที่ 3 เม.ย. 2011 มีติดตามผลการฟื้นฟูคริสตชน 3 เสาร์ครั้งที่ 2 เรื่อง “พระวาจาของพระเจ้า” ขอเชิญพี่น้องเข้าร่วมรับการอบรมได้ที่ศาลาเรือนไทย หลังมิซาเวลา 10.30 น.
  3. วันอาทิตย์นี้ ขอให้ผู้ช่วยมิสซา และผู้ที่ปรารถนาจะช่วยมิสซา รวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อซ่อมช่วยมิสซา และร่วมกิจกรรม หลังมิสซา เวลา 10.30 น.
  4. วันอาทิตย์ที่ 3 เม.ย. 2011 เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน หลังมิสซามีโปรดศีลล้างบาปเด็ก ผู้ใดที่ต้องการนำเด็กมาล้างบาปให้กรอกข้อมูลล่างหน้า ใบกรอกข้อมูลรับได้ที่บ้านพักพระสงฆ์
  5. ประกาศแต่งงาน ระหว่าง นาย Jaruwat Kiatiwongse บุตรของนาย Chamroen Kaitiwongse และ นาง Kittirat Supredanurat กับ นางสาว Kim Charlene A. Escobin บุตรีของนาย Rectorino Escobin และ นาง Aileen Alviar ผู้ใดทราบว่าทั้งสองมีข้อขัดขวางใดๆ ต้องแจ้งให้คุณพ่อเจ้าวัดทราบ ไม่แจ้งมีความผิดตามกฏหมายพระศาสนจักร

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.