ฉบับที่ 14030 วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2014

บอกเล่าให้ฟัง

ความจริงทำให้เราเป็นไทเป็นคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ในชีวิตของเราได้ตลอดเวลา การเป็นคนที่มีชนักติดหลังหรือวัวสันหลังหวะอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถนำพาความสุขมาให้กับเราได้ ซึ่งเราก็ทราบอยู่แล้ว มนุษย์ทุกคนเป็นคนอ่อนแอเราพลาดพลั้งได้เสมอ แต่อย่ายอมให้ความพลาดพลั้งนั้นมันครอบงำใจเรา ความอ่อนแอและความพลาดพลั้งของมนุษย์เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และเราแต่ละคนก็จะต้องเข้าใจธรรมชาติประการนี้ของผู้อื่นด้วย เราจะสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ง่ายขึ้นถ้าเราลองคิดถึงตัวเราเอง เวลาเราพลาดพลั้งทำผิดเรารู้สึกอย่างไรเมื่อมองไปที่ผู้อื่น เราคงอยากจะให้ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเรา เป็นต้นคนที่เรารักมากที่สุด เขาเข้าใจถึงความอ่อนแอของเราและให้อภัยเรามิใช่หรือ พระวาจาของพระเจ้าเตือนใจเรา “เราต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติอย่างไรกับเรา เราจงปฏิบัติอย่างนั้นกับเขาเถิด”

เมื่อเราพิจารณาถึงเรื่องนี้พ่อคิดว่า การให้อภัยผู้อื่นด้วยใจกว้าง เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ คนที่พลาดพลั้งหลายๆคน คงอยากสารภาพความผิดพลั้งของตนต่อคนที่ตนรักและสำคัญสำหรับตนมากที่สุด แต่ก็ไม่กล้าเพราะท่าทีของเราไม่ได้แสดงออกถึงความใจกว้างพร้อมที่จะให้อภัย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว พ่อแม่ลูก สามีภรรยา เราคงจะต้องเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติความอ่อนแอของมนุษย์ เริ่มให้อภัยและให้กำลังใจกันและกันต่อความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเสียก่อน ทำอยู่เสมอทำเป็นประจำจนกลายเป็นความรู้สึกที่ดี ความไว้เนื้อเชื่อใจกันในครอบครัว อย่าซ้ำเติมในยามที่คนล้ม ไม่ประสบความสำเร็จ อย่าหวังกับคนอื่นมากเกินไป เพื่อหวังมันจะเป็นแรงผลักดันให้เขาฮึดสู้ ตรงกันข้ามมันกลับกลายเป็นการเหยียบย่ำจนเขาไม่มีแรงลุกขึ้นก้าวต่อไป ความเข้าใจกำลังใจต่างหากที่เป็นประดุจมือและอ้อมแขนที่คอยพยุงคนที่ล้มให้มีกำลังใจก้าวหน้าต่อไป ความจริงใจเป็นเรื่องที่สำคัญในการดำเนินชีวิตร่วมกัน การให้อภัยด้วยใจกว้างจะเกิดขึ้นแน่ถ้าเราดำเนินชีวิตด้วยความจริงใจต่อกัน แม้บางครั้งความพลาดพลั้งจะเกิดขึ้นบ้างแต่ทุกคนต่างรู้ว่า นั่นเป็นความอ่อนแอเพราะต่างคนต่างเข้าใจถึงแก่นใจของกันและกันแล้ว แต่ถ้าขาดความจริงใจต่อกัน ความจริงจะถูกบังซ่อนไว้ในก้นบึ้งแห่งจิตใจ มีแต่ความหวาดระแวงกลัวถูกจับได้ ไม่กล้าคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น สภาพอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่าความลับไม่มีในโลก สิ่งที่คุยกันในที่ลับจะถูกประกาศบนหลังคาเรือน พระเยซูคริสตเจ้าสอนให้เราปลดแอกเหล่านี้ออกจากใจของเรา จากครอบครัวของเราโดยให้เราอยู่ฝ่ายความจริงและความถูกต้องเสมอ ใครอยู่ฝ่ายความจริงก็อยู่ฝ่ายพระเป็นเจ้าด้วย พ่อเชื่อว่าทุกคนอยากมีความสุขในการดำเนินชีวิต ถ้าเช่นนั้นเราต้องดำเนินชีวิตอยู่กับความจริง เป็นคนเปิดเผยพยายามปลดแอกแห่งความซ่อนเร้นออกจากใจของเรา และครอบครัวของเราโดยมีความจริงใจต่อกัน เชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นทางหนึ่งที่นำความสุขกลับมาสู่ตัวเราและครอบครัวของเรา.จาก พ่อคนเดิม

ขุมทรัพย์ล้ำค่าในชีวิตของเรา

การลำดับคุณค่าความสำคัญเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ เมื่อลองพิจารณาการดำเนินชีวิตของเราคริสตชน การนับถือศาสนา การปฏิบัติศาสนกิจ เป็นต้นการมาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณ คริสตชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่มาปฏิบัติศาสนกิจเพียงอ้างว่า “ไม่มีเวลาต้องทำมาหากิน” พระเยซูคริสตเจ้าทรงสอนว่า “ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย” (มธ.6:21) จากคำสอนข้อนี้เราคงจะต้องให้คำตอบกับตัวเราเองว่า อะไรเป็นขุมทรัพย์หรือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา พระเป็นเจ้าอยู่ในลำดับที่เท่าไรในชีวิตของเรา พระองค์มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนสำหรับเรา ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจังยังคงเป็นสัจธรรมที่เป็นความอมตะอยู่เสมอ นักธุรกิจที่ร่ำรวย นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกล้าสามารถสุดท้ายก็ตายเหมือนกัน เมื่อตายแล้วใครเอาอะไรไปได้บ้าง

“จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ.6:33) พระเยซูคริสตเจ้าทรงเปรียบเทียบการแสวงหาคุณค่าแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ เหมือนนักแสวงโชคที่ค้นหาทรัพย์สมบัติ นักเล่นไข่มุกที่แสวงหาไข่มุกเม็ดงาม คนพวกนี้เมื่อเขาพบสิ่งที่เป็นยอดความปรารถนาแล้ว พวกเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อจะไขว่คว้ายอดความปรารถนาของเขามาให้ได้ นักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ คณะที่เขาปรารถนา เขาอดหลับอดนอนทบทวนบทเรียนเมื่อใกล้วันสอบ เพื่อความปรารถนาของเขาจะได้สัมฤทธิ์ผล นักกีฬาอยากได้เหรียญทองทำลายสถิติโลกก็ต้องเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างหนัก เพราะนี่เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของเขา อุปมาของพระเยซูคริสตเจ้าและสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงสิ่งอนิจจัง พวกเขายังทุ่มสุดตัวขนาดนี้ แล้วคุณค่าแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ซึ่งเป็นคุณค่าแท้นิรันดร พวกเราได้ทุ่มเทขนาดไหน เพื่อจะไขว่คว้าเอามาให้ได้

มนุษย์ทุกคนกำลังแสวงหาคุณค่าแท้ ความสุขแท้ที่เป็นอมตะสามารถเติมใจของมนุษย์ให้อิ่ม แต่น่าเสียดายแสงสีเสียงความเย้ายวนฝ่ายโลก มันบดบังตาบดบังใจมนุษย์จนมืดมิด จนไม่สามารถแยกแยะระหว่างของแท้และของเทียม มนุษย์จึงไขว่คว้าแสวงหาอย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะเขาไขว่คว้าได้แต่ความสุขชั่วคราว ของเทียม ไขมุกปลอม และสิ่งเหล่านี้เติมเต็มใจมนุษย์ไม่ได้ มนุษย์จึงกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ มีแล้วอยากมีอีก รวยแล้วอยากรวยมากขึ้น มนุษย์จะต้องดิ้นรนอยู่เช่นนี้จนกว่าจะพบแสงสว่างแห่งธรรม แสงสว่างแห่งธรรมนี่เองจะทำให้มนุษย์พบกับคุณค่าความสุขแท้ ที่สามารถทำให้มนุษย์อิ่มใจพบกับความสุขสงบ พระเยซูคริสตเจ้าทรงบอกกับเราชัดเจน “คุณค่าแท้คือคุณค่าแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ คือองค์พระผู้เป็นเจ้าเองซึ่งเราต้องแสวงหาให้พบ”

การแสวงหาจนพบก็มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องทุ่มสุดตัวสุดกำลัง เราได้คำตอบจากคำอุปมาที่พระเยซูคริสตเจ้าเล่าให้เราฟังว่า นักแสวงโชคและคนเล่นไข่มุกนั้นพวกเขาขายทุกสิ่งด้วยความยินดี เพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งที่เขาปรารถนาเพราะพวกเขารู้ค่าในสิ่งที่เขาแสวงหา และสิ่งนั้นเป็นยอดความปรารถนาของเขา ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดอยู่เหมือนกันว่าเรารู้ค่าของความรอดพ้น พระอาณาจักรสวรรค์ มากน้อยแค่ไหน ถ้าเรารู้ค่าจริงเราจะต้องทุ่มเทมากกว่านี้ เพราะพระวาจาของพระเจ้าบอกชัดเจนว่า การที่จะได้มาซึ่งคุณค่าแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ และความรอดพ้นต้องออกแรงสุดความสามารถแบบทุ่มสุดตัว.

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์นี้ประชุมเยาวชน ขอเชิญเยาวชนและผู้ที่สนใจจะร่วมกลุ่มเยาวชน ประชุมกันที่ห้องประชุมบ้านพักพระสงฆ์
  2. วันเสาร์ที่ 2 ส.ค. 2014 เป็นวันผู้สูงอายุของวัด ขอเชิญผู้สูงอายุทุกท่านมาร่วมสวดภาวนา และมิสซาบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.30 น. ก่อนมิสซามีสวดภาวนาร่วมกันและพระสงฆ์ฟังแก้บาป
  3. วันอาทิตย์ที่ 3 ส.ค. 2014 เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนหลังมิสซามีโปรดศีลล้างบาปเด็ก ผู้ใดปรารถนานำเด็กมารับศีลล้างบาปให้กรอกข้อมูลล่วงหน้า ใบกรอกข้อมูลล่วงหน้ารับได้ที่บ้านพักพระสงฆ์
  4. ประชุมสภาภิบาล วันอาทิตย์ที่ 3 ส.ค. 2014 หลังมิสซาเวลา 10.30 น. ขอเชิญคณะกรรมการสภาภิบาลทุกท่านเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันด้วย
  5. ประกาศแต่งงาน ระหว่าง นาย ปุรชิต จิตตะปะสาทะ บุตรของ นาย ประกอบพงศ์ และนาง ชูเพ็ญ จิตตะปะสาทะ กับ เทเรซา วีร์ชิมาดีสุดจิตร บุตรีของ นาย วรวิทย์ และมารีอา อนุชธิติ ดีสุดจิตร ผู้ใดทราบว่าทั้งสองมีข้อขัดขวางใดๆในการแต่งงานต้องแจ้งให้เจ้าอาวาสทราบ

download ไฟล์ สารวัดฉบับเต็ม ได้ที่นี่ สารวัดประจำสัปดาห์ 27-07-2014

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.