สารวัด ฉบับที่ 863 วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2553 เทศกาลธรรมดา

บอกเล่าให้ฟัง

การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ที่สำคัญของเราคริสตชนทุกคน ก่อนสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ดูเหมือนว่าบทบาทและหน้าที่การประกาศข่าวดีจะเป็นของพระสังฆราช พระสงฆ์ และนักบวชชาย-หญิง แต่ในปัจจุบันพระศาสนจักรสอนชัดเจนว่า “การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของคริสตชนทุกคน” ทิศทางงานอภิบาลปี 2000 ที่พระศาสนจักรในประเทศไทยพยายามวางแผนไว้ 10 ปี โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคริสตชนทั้งหลาย สิ้นสุดลงแล้วในปีนี้ มีการประเมินผล และติดตามผลสุดความสามารถ เวลานี้แผนประกาศข่าวดีฉบับใหม่กำลังเป็นตัวเป็นตน และจะประกาศใช้ในวันที่ 15 ส.ค. 2010 ที่จะถึงนี้ แผนประกาศข่าวดีฉบับนี้เป็นแผน 5 ปี การทำแผนนี้พระศาสนจักรจัดทำขึ้นโดยอาศัยการมีส่วนร่วมอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้แยกกันพิจารณาตามบริบทของแต่ละที่ แยกเป็นสังฆมณฑล 4 อีสาน และสังฆมณฑลภาคกลางอีก 6 สังฆมณฑล แล้วนำเอาความคิดต่างๆมาพิจารณาร่วมกันภายหลัง เมื่อแผนประกาศข่าวดีของสภาพระสังฆราชเสร็จแล้ว สังฆมณฑลต่างๆก็จะนำเอาแผนแม่บทนี้ ไปทำเป็นแผนประกาศข่าวดีของสังฆมณฑลของตน

สิ่งที่พระศาสนจักรในประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่นี้ แสดงให้เห็นความพยายามของพระศาสนจักรในการประกาศข่าวดี แต่ต่อให้แผนจะดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีการนำสู่ภาคปฏิบัติอย่างจริงจัง ดังนั้นสิ่งที่พระศาสนจักรต้องทำก่อนสิ่งอื่นใดก็คือ การสร้างจิตสำนึกให้ศาสนบริกร และคริสตชนทั้งหลายตระหนักถึงหน้าที่ในการประการข่าวดีว่าเป็นหน้าที่ของทุกๆคน เพราะธรรมชาติของพระศาสนจักรคือผู้ประกาศข่าวดี และนี่เป็นคำสั่งสุดท้ายก่อนที่พระเยซูคริสตเจ้าจะเสด็จขึ้นสวรรค์ ในวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2010 ที่ผ่านมาอัครสังฆมณฑลกรุงเทพของเรา ได้ระดมสรรพกำลังจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อทำแผ่นประข่าวดีไปแล้ว พ่อจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนแผ่นประกาศข่าวดีนี้ ให้ลงสู่ภาคปฏิบัติให้จงได้ Plan ของเราจะไม่นิ่งอีกต่อไป แต่จะมีการนำมาปฏิบัติให้บังเกิดผลสุดความสามารถ พ่อนำเอาเรื่องเหล่านี้มาเล่าให้พี่น้องฟัง เพื่อขอความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องในการสืบสานพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี ที่พระศาสนจักรได้รับมอบจากองค์พระเยซูคริสตเจ้า ให้สำเร็จเป็นจริงจนสุดปลายแผ่นดิน “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของ ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน”(มธ.28:19-20)

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหนใจของท่านก็อยู่ที่นั่น

สัมพันธภาพที่เราสร้างขึ้นกับสิ่งอนิจจัง ให้ความอิ่มใจกับมนุษย์ไม่ได้ คนที่มีความปรีชาฉลาดทางธรรมต้องเข้าถึงสัจธรรมประการนี้ มีเศรษฐีมั่งมีสุดๆของโลกกี่คนแล้ว ต้องฆ่าตัวตายเพราะหาความสุขไม่ได้ ความคิดเบื้องต้นของทุกๆคนจะคิดเหมือนกันว่า “ถ้าเรามีเงินมีทองสักอย่าง เราจะสมหวัง สามารถซื้อได้ บันดาลได้ทุกสิ่ง” แต่ในชีวิตจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เศรษฐีระดับโลกคนหนึ่งฆ่าตัวเป็นข่าวดังทีเดียว เพราะเขาเขียนขอความสั้นๆทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานว่า “เงินทองที่ฉันมีอยู่นั้น อาจจะสามารถซื้อทุกสิ่งบนโลกใบนี้ได้ถ้าฉันต้องการ แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถซื้อมาได้ ไม่ว่าจะใช้เงินทองสักเท่าใดคือความสุข” สิ่งที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสัมพันธภาพกับสิ่งอนิจจัง ทำให้มนุษย์อิ่มใจ หรือให้ความสุขแท้แก่มนุษย์ไม่ได้ พระเป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ในสัมพันธภาพกับพระองค์ให้มนุษย์มีความสุขในสัมพันธภาพนั้น ฉะนั้นความสุขแท้หรือคุณค่าถาวรก็คือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเอง ที่สามารถทำให้มนุษย์อิ่มใจมีความสุข เมื่อความสัมพันธ์นั้นถูกทำลายลง เพราะบาปที่มนุษย์ก่อ มนุษย์จึงกลายเป็นผู้ที่หิวกระหายหาความสุขตลอดเวลา เพราะมนุษย์โหยหาความสุขดั่งเดิมในความสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้า และต้องการกลับไปหาต้นกำเนิดความสุขแท้นั่นเอง เราจึงพบว่ามนุษย์ทุกคนต้องการความสุข และแสวงหาความสุขตลอดเวลา ด้วยวิธีการต่างๆตามความคิดของแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีบ้างชั่วบ้าง แต่ก็ไม่มีสักคนเดียว ที่สามารถเติมเต็มชีวิตของตนให้มีความสุข ด้วยของอนิจจังของโลก จนกว่าเขาจะเข้าถึงสัจธรรม สามารถตัดสละสิ่งอนิจจัง และอยู่อย่างพอเพียง เขาจึงสามารถเข้าไปลิ้มรสสัมผัสความสุขแท้ได้บ้าง

พระเยซูคริสตเจ้าจึงสอนเราไม่ให้ติดใจกังวลใจกับข้าวของๆโลก เพราะทรัพย์สมบัติของเราอยู่ที่ไหนใจของเราก็อยู่ที่นั้นด้วย พระองค์สอนเช่นนี้ เพราะไม่ต้องให้เราละใจของเราที่ผูกพันกับความสุขหรือคุณค่าแท้ ไปผูกพันกับสิ่งอนิจจังฝ่ายโลก เพื่อเราจะได้มุ่งหน้าแสวงหาเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตจนพบ โดยไม่เบี่ยงเบนใจไปไหนเลย เพราะการเบี่ยงเบนใจไปผูกพันกับทรัพย์สมบัติฝ่ายโลก เป็นความโง่เขลาทางธรรม เหมือนกับเศรษฐีคนนั้น ที่พระคัมภีร์กล่าวถึง เขาคิดว่าเขามีทรัพย์สมบัติมากมายสามารถได้อยู่อย่างมีความสุขเสียที แต่พระเป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้แหละ” (ลก.12:20-21) ดังนั้นจงอย่าเบี่ยงเบนใจของเราจากพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นเป้าหมายและคุณค่าแท้ จงมุ่งมั่นในการทำความดีแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ซึ่งเป็นการสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์โดยไม่ต้องกังวลใจ เพราะพระเยซูคริสตเจ้าบอกกับเราว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระองค์เถิด แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมทุกสิ่งให้” (ลก.12:31)

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน มีโปรดศีลล้างบาปเด็กหลังมิสซา ผู้ใดจะนำลูกหลานมารับศีลล้างบาปขอให้กรอกข้อมูลล่างหน้า ใบกรอกข้อมูลรับได้ที่บ้านพักพระสงฆ์
  2. ผู้ใดต้องการขอทุนการศึกษาจากกองทุนมหาพรตเขต 2 ให้ยืนใบคำร้องได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด ใบคำร้องรับได้ที่บ้านพักพระสงฆ์
  3. วันอาทิตย์นี้เป็นวันสื่อมวลชนสากล พี่น้องท่านใดต้องการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลืองานสื่อมวลชน บริจาคได้ที่ตู้ทานกลางวัด
  4. วันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค. 2010 ทางวัดจัดให้เป็นวันแม่ ก่อนเริ่มพิธีมิสซาจะมีอ่านบทอาเศียรวาท หลังมิสซาจะมีพิธีไหว้ และมอบดอกมะลิให้กับคุณแม่ ขอเชิญพี่น้องมาร่วมมิสซาขอพรให้กับคุณแม่ของเรา
  5. วันศุกร์ที่ 13 – วันอาทิตย์ที่ 15 ส.ค. 2010 แผนกเยาวชนอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จัด “เข้าเงียบชีวิตฝ่ายจิตของเยาวชน” โดย คุณพ่อ มหาร์โซโน โปรโบ ที่บ้านสวนยอแซฟ สามพราน เยาวชนที่สนใจติดต่อได้ที่คุณไพโรจน์ ผู้อำนวยการสภาภิบาล

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.