บอกเล่าให้ฟัง
เทศกาลมหาพรต เป็นเทศกาลที่เราคริสตชน คิดถึงพระมหาทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพิเศษเพื่อเตรียมสมโภชพระธรรมล้ำลึกปัสกา คือ พระมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ดังนั้นพระศาสนจักรจึงเชิญชวนคริสตชนทุกคนให้สวดภาวนา ทำพลีกรรรมใช้โทษบาป และทำกิจเมตตาเป็นพิเศษในเทศกาลนี้ และเพื่อระลึกถึงพระมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้า และทำพลีกรรมใช้โทษบาป พระศาสนจักรจึงแสดงออกด้วยเครื่องหมายภายนอกด้วย อาทิ ละเว้นจากสิ่งฟุ่มเฟือย จำศีลอดอาหาร มีชีวิตที่เรียบง่ายไม่หรูหรา ในวัดก็ต้องจัดให้เรียบง่ายไม่สง่าตระการตาเหมือนเดิม โดยจัดดอกไม้น้อยลง ของใช้ในวัดก็ใช้สิ่งที่ไม่ดูหรูหราจนเกินไป รูปพระต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความสง่างามของวัด ก็มีธรรมเนียมให้ปิด เพื่อให้สัตบุรุษได้สัมผัสบรรยากาศของเทศกาลมหาพรต สวดภาวนา ทำพลีกรรมใช้โทษบาป
พระเยซูคริสตเจ้าสอนให้เรา “นมัสการพระเป็นเจ้าด้วยจิตใจและตามความเป็นจริง”(ยน.4:23) การถกเถียงกันระหว่างชาวยิวและชาวสะมาเรียในการนมัสการพระเป็นเจ้า ต้องนมัสการที่กรุงเยรูซแล็มหรือบนภูเขาก็คงไม่ต่างจากการถกเถียงของเรา ว่าต้องปิดรูปพระหรือไม่ ต้องปิดเมื่อไร เราคงต้องถามตัวเราเองว่า “เรารักพระเป็นเจ้าหรือเรารักรูปพระรูปนั้นรูปนี้ เรากำลังนมัสการพระเป็นเจ้าหรือนมัสการรูปปั้นรูปวาดกันแน่” ถ้าเรานมัสการด้วยจิตใจและตามความเป็นจริง จะปิดรูปพระหรือไม่ปิดรูปพระ และมีรูปพระรูปนั้นรูปนี้สำคัญไฉน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเครื่องหมายภายนอก ที่เตือนใจเราหรือทำให้เราคิดถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมเท่านั้น การปิดรูปพระก็เช่นเดียวกัน ที่เราปิดเพราะเราพยายามทำตามธรรมเนียมของพระศาสนจักรที่เคยปฏิบัติมา เพื่อสร้างบรรยากาศของเทศกาลมหาพรตเท่านั้น ถ้าพวกเราคิดว่าการปฏิบัติแบบนี้ ไม่มีความหมายสำหรับพวกเราพ่อคิดว่าไม่ต้องปิดก็ได้ครับ
จากคุณพ่อเจ้าวัด
การกลับใจเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง
พระเป็นเจ้าของเราเป็นพระผู้ทรงเมตตา พระองค์ไม่ปรารถนาให้มนุษย์ต้องพินาศไปแม้แต่คนเดียว พระองค์จึงประทานเครื่องหมายแห่งกาลเวลาหลายๆอย่างให้แก่เรามนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ดวงอาทิตย์ขึ้นดวงอาทิตย์ตก ภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของบุคคลรอบข้าง ฯลฯ ถ้าเรามองทุกสิ่งด้วยสายตาแห่งความเชื่อ เราจะพบว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนให้ข้อคิดข้อเตือนใจแก่เราทั้งสิ้นว่า “เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ในการเผชิญกับความตายที่เราไม่ทราบวันเวลา เพราะทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ” นี่แหละคือเครื่องหมายแห่งกาลเวลาที่พระเป็นเจ้าประทานให้กับเรา เพื่อเชิญชวนให้เรากลับใจใช้โทษบาป เปลี่ยนวิถีทางดำเนินชีวิตให้ตรงกับหนทางของพระเป็นเจ้า
คำถามของพระเยซูคริสตเจ้าในพระวรสารนักบุญลูกาบทที่ 13 เป็นสิ่งที่เราน่าจะนำมาไตร่ตรองเหมือนกัน “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้ (ที่ปิลาติสั่งประหารชีวิต)…คนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า…พวกเขาเป็นคนบาป…มีความผิดมากกว่าคนอื่นทุกคนหรือ”(ลก.13:1-4) ชาวเฮติ ชาวชิลีและผู้ประสบภัยพิบัติที่อื่นๆพวกเขาเป็นคนบาป หรือมีความผิดมากกว่าพวกเราหรือเปล่า พวกเขาเท่านั้นหรือที่เป็นสาเหตุ ที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นทุกวัน พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ หรือมนุษยชาติต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด เวลาว่างๆเราน่าจะนำเรื่องน้ำมหาวินาศสมัยของโนอาห์ เรื่องหอบาเบล เรื่องความพินาศของเมืองโสโดม และเมืองโกโมราห์ในพระคัมภีร์มาอ่านรำพึงซ้ำ และหาสาเหตุดูซิว่าของความพินาศเหล่านั้นมาจากอะไร พระคัมภีร์ยืนยันตลอดเวลาว่าเป็นเพราะมนุษย์ทำบาป มนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้าใช้อิสรภาพไม่ถูกต้อง และก่อนจะเกิดความพินาศเสียหายขึ้น พระเป็นเจ้าได้ทรงเตือนมนุษย์ก่อนทุกครั้ง แต่น่าเสียดายมนุษย์ไม่เชื่อ และยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในหนชั่วช้าเหมือนเดิม กว่าจะคิดได้ก็สายเสียแล้ว
เราอย่าทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเรา ชวนให้เราคิดและรำพึงถึงชีวิตและสรรพสิ่ง ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่เรายึดเป็นสรณะที่แท้จริงได้ เรามนุษย์เป็นเหมือนกันทุกยุคทุกสมัย เราเป็นคนอ่อนแอ เป็นคนบาป เราไม่ได้เป็นคนดีมากไปกว่าคนอื่นๆเลย เราทุกคนต้องการการกลับใจใช้โทษบาปทั้งนั้น ในเทศกาลมหาพรตพระศาสนจักรจึงเรียกร้องเราทุกคนว่า “จงกลับใจและเชื่อพระวรสารเถิด” การเรียกร้องนี้ไม่ใช่การเรียกร้องชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการเรียกร้องให้กลับใจเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้นเสมอทุกๆวัน การกลับใจจึงเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ที่เราต้องกระทำอยู่เสมอตลอดชีวิต
พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์
ประกาศ
- วันจันทร์ที่ 22 มี.ค. – ประมาณสิ้นเดือนเม.ย. 2010 ทางวัดจะเปิดสอนคำสอนเตรียมรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ผู้ที่ต้องการส่งลูกหลานมาเรียนคำสอน ลงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์อย่างชัดเจนได้ที่หน้าวัด
- พระสงฆ์แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เข้าเงียบประจำเดือน วันพุธที่ 10 – วนพฤหัสที่ 11 มี.ค. 2010 ของดมิสซาในวันดังกล่าวและขอคำภาวนาสำหรับพระสงฆ์ด้วย
- ปลายเดือนมี.ค. – ต้นเดือนเม.ย. 2010 เป็นช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์และสมโภชปัสกา ทางวัดต้องเตรียมอุปกรณ์หลายอย่าง ขอเชิญผู้ที่มีเวลาว่างวันเสาร์และวันอาทิตย์ในระหว่างเดือนมี.ค.นี้ ช่วยเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในวันต่างๆด้วย
- อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯจัดโครงการ “ศีลมหาสนิท ศูนย์กลางชีวิตครอบครัวและชีวิตพระสงฆ์” ขอเชิญคู่สมรสที่ต้องการรื้อฟื้นการสมรส ครบ 50 ปี (1960) ครบ 40 ปี (1970) ครบ 25 ปี (1985) และ คู่ที่ประสงค์ที่จะสมรสกันและสามารถขออนุญาตยกเว้นข้อขัดขวางได้ทันกำหนดเวลา แจ้งชื่อ เบอร์โทรศัพท์ได้ที่หน้าวัด รายละเอียดและเอกสารติดต่อสอบถามได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด
Tags: วัดรังสิต, สารวัด, สารวัด วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต