ฉบับที่ 14037 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2014

บอกเล่าให้ฟัง

พระศาสนจักรหมายถึงคริสตชนทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป เชื่อตามคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า และผู้แทนของพระองค์ ผู้นำสูงสุดของพระศาสนจักรคือพระสันตะปาปาซึ่งเป็นผู้สืบตำแหน่งจากนักบุญเปโตร ส่วนพระสังฆราชเป็นผู้สืบตำแหน่งจากบรรดาอัครสาวก ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพระสันตะปาปา ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ปกครองสังฆมณฑลต่างๆทั่วโลก พระสงฆ์เป็นผู้ร่วมงานของพระสังฆราช ซึ่งพระสังฆราชจะส่งมาปกครองดูแลวัดและสัตบุรุษ ในฐานะผู้อภิบาลภายใต้อำนาจที่พระสังฆราชมอบหมายให้ เพราะถ้าเปรียบเทียบตามภาพพจน์ในพระคัมภีร์ พระสังฆราชก็เป็นเสมือนผู้เลี้ยงแกะและเราทุกๆคนก็เป็นแกะในฝูงที่พระสังฆราชต้องดูแลให้ทั่วถึง

จะทำอย่างไรจึงจะดูแลให้ทั่วถึงได้ วิธีการที่พระศาสนจักรใช้อยู่ก็คือ มอบหมายอำนาจและหน้าที่ให้พระสงฆ์ไปปกครองดูแลวัด ส่วนพระสังฆราชจะไปเยี่ยมอภิบาลตามโอกาสที่เห็นสมควร และติดตามงานจากพระสงฆ์ที่ท่านมอบหมายอำนาจและหน้าที่ให้ ในปัจจุบันมีการกระจายอำนาจการปกครองเป็นเขตต่างๆ อัครสังฆมณฑลของเรามีหกเขตการปกครอง ในแต่ละเขตพระสังฆราชจะแต่งตั้งผู้แทนของท่านให้ดูแลแต่ละเขต ซึ่งเราเรียกว่า “หัวหน้าเขตหรือผู้ช่วยพระสังฆราชประจำเขต” ผู้ช่วยพระสังฆราชประจำเขตจะต้องปกครองดูแลช่วยเหลือวัดต่างๆในเขตของตน และจะมีการประชุมเขตกันเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง พระสังฆราชจะสามารถติดตามงานต่างๆ ความเป็นไปของวัดต่างๆ ได้จากผู้ช่วยพระสังฆราชประจำเขตอีกทางหนึ่ง เราจะเห็นได้ว่าการปกครองแบบนี้แก่นสำคัญอยู่ที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือที่เราจะให้แก่กันและกันนั่นเองในปัจจุบันพระศาสนจักรให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของบรรดาสัตบุรุษเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระศาสนจักรพยายามจะสร้างพระศาสนจักรแห่งการมีส่วนร่วม เราจึงต้องพยายามเรียนรู้ว่าเราสามารถมีส่วนร่วมในพระศาสนจักรในเรื่องใดบ้าง อย่างน้อยต้องรู้ว่า โดยอาศัยศีลล้างบาปเราเป็นสงฆ์สามัญ ต้องมีส่วนร่วมในหน้าที่สงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์(การปกครองดูแล) หน้าที่สงฆ์คือหน้าที่บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ สัตบุรุษจึงต้องพยายามมีส่วนร่วมในการสวดภาวนา ในพิธีกรรมตามบทบาทหน้าที่ของตน และพยายามทำให้ชุมชนแห่งความเชื่อนี้เติบโตขึ้น เป็นชุมชนที่มีความรัก ความเมตตา ความยุติธรรม และสันติสุข หน้าที่ประกาศกเราทุกคนมีหน้าที่ประกาศข่าวดี เป็นต้นด้วยการดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงคุณค่าพระวรสารต่อหน้ามนุษย์ทั้งมวล หน้าที่ปกครองคือการช่วยกันปกครองดูแลวัดและหรือชุมชนแห่งความเชื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น บางคนอาจจะมาเป็นสภาภิบาล บางคนมาช่วยงานอภิบาลของพระสงฆ์ในด้านต่างๆ บางคนอาจจะไปสังกัดองค์กรต่างๆของพระศาสนจักร เพื่อสนับสนุนงานด้านต่างๆของพระศาสนจักร ฯลฯ เนื่องจากงานของพระศาสนจักรมีมากมายแต่พระสงฆ์นักบวชมีเพียงหยิบมือเดียว ความรู้ความสามารถก็มีจำกัด พระศาสนจักรจึงต้องการความร่วมมือจากเราทุกคน พ่อจึงถือโอกาสนี้กระตุ้นเตือนพี่น้องให้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนในพระศาสนจักร พ่อเชื่อว่าพระศาสนจักรจะก้าวหน้าพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าทุกๆหน่วยเป็นหนึ่งเดียวและร่วมมือกันอย่างจริงจัง

จากพ่อคนเดิม

หนทางแห่งไม้กางเขนหนทางนำความรอดพ้น

การฉลองเทิดทูนไม้กางเขนไม่ใช่การฉลองแสดงความยินดีกับการรับทนทรมาน และการสิ้นพระชนม์เยี่ยงมหาโจรของพระเยซูคริสตเจ้าบนไม้กางเขน แต่เป็นการฉลองเทิดทูนด้วยความกตัญญูรู้คุณ ในความรักอันยิ่งใหญ่สุดพรรณาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ หลังจากมนุษย์พวกแรกทำบาปมนุษยชาติตกอยู่ในชะตากรรมที่เลวร้าย นั่นก็คือมนุษยชาติต้องประสบกับความหายนะและต้องพินาศไปในที่สุด แต่พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งมนุษยชาติให้ประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายนั้น กลับทรงกระทำพันธสัญญากับมนุษยชาติว่า “พระองค์จะทรงช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้น” “พระเจ้าจึงตรัสกับงูว่า…… เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้าและเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”(ปฐก 3:14-15) ต้นฉบับภาษาฮีบรูเขียนว่า ลูกหลานของงูกับลูกหลานของหญิง คือมนุษยชาติจะเป็นอริกับบรรดาปีศาจ และยังเกริ่นว่ามนุษยชาติจะมีชัยชนะในวาระสุดท้าย นับเป็นการประการข่าวเรื่องความรอดพ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้นไม้กางเขนของพระเยซูคริสตเจ้าจึงเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้าต่อมนุษยชาติ

ไม้กางเขนเป็นเอกลักษณ์ของชีวิตคริสตชน เราไม่สามารถคิดถึงชีวิตคริสตชน ซึ่งเป็นศิษย์ติดตามองค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ โดยปราศจากไม้กางเขน เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงเลือกเดิน และเชิญชวนให้เราเดินบนหนทางสายนี้ติดตามพระองค์ไป เป็นหนทางที่ต้องเดินด้วยความเพียรอดทน ตัดสละน้ำใจปฏิเสธตนเองเพื่อลดความเห็นแก่ตัว เป็นหนทางที่สามารถเปิดตัวเราเองไปหาพระเจ้าและผู้อื่น ด้วยความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนและอ่อนโยน หนทางแห่งไม้กางเขนนี่แหละคือหนทางแห่งชัยชนะที่แท้จริง ไม่มีชัยชนะใดที่จะยิ่งใหญ่เท่ากับการชนะใจตนเอง พระเยซูคริสตเจ้าทรงได้ชัยชนะนั้นโดยสละน้ำใจของตนและยินดีปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา โดยยอมรับทนทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อความรอดพ้นของมนุษยชาติ ทำให้พระองค์ได้ชัยชนะอย่างงดงามในการกลับคืนพระชนมชีพ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเชิญชวนเราให้เดินบนหนทางเดียวกับพระองค์ เพื่อเราจะได้ชัยชนะเช่นเดียวกับพระองค์ “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้นก็จะสูญเสียชีวิตนิรันดร แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิตนิรันดร”(มธ.16:24-25) “โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร”(ยน.3:14-15)

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์นี้ ขอให้ผู้ช่วยมิสซาและผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยมิสซา รวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อซ้อมช่วยมิสซาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
  2. วันอาทิตย์ที่ 21 ก.ย. 2014 ขอให้ผู้อ่านบทอ่านและผู้ที่ปรารถนาจะอ่านบทอ่าน รวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อจัดตารางเวลาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
  3. วันอาทิตย์ที่ 21 ก.ย. 2014 เวชบุคคลคาทอลิกของวัดเรา จะมาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ผู้ที่สนใจสามารถรับบริการได้ที่หน้าวัด
  4. เดือนตุลาคมเป็นเดือนแม่พระ ผู้ใดต้องการเชิญพ่อไปสวดสายประคำที่บ้าน ขอให้ลงชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ และที่สังเกตได้ชัดเจนได้ที่หน้าวัด

download ไฟล์ สารวัดฉบับเต็ม ได้ที่นี่ สารวัดประจำสัปดาห์ 14-09-2014

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.