ฉบับที่ 14036 วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2014

บอกเล่าให้ฟัง

เดือนกันยายนเป็นเดือนที่มีวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า ไม้กางเขนสำหรับคริสตังเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักของพระเจ้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นหนทางแห่งความรอดพ้น ซึ่งนักบุญเปาโลเคยกล่าวไว้ว่า “สำหรับชาวกรีกไม้กางเขนเป็นเรื่องโง่เขลา เบาปัญญา สำหรับชาวยิวเป็นที่น่าอัปยศอดสู แต่สำหรับเราคริสตชนเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักของพระเจ้า ซึ่งยอมมอบทุกอย่างให้กับเราแม้กระทั่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ ให้มารับทนทรมาน สิ้นพระชนม์ เพื่อช่วยมนุษยชาติให้ได้รับความรอดพ้น”

สำหรับพ่อเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่คติพจน์ของพระอัครสังฆราชของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯสองท่านติดต่อกันกล่าวถึงเรื่องไม้กางเขน ของพระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู “Per Crucem Ad Lucem” ผ่านทางไม้กางเขน สู่ความสุกใสรุ่งโรจน์ ส่วนของพระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช “Verbum Crucis Dei Virtus Est” คำสอนเรื่องกางเขน เป็นอานุภาพของพระเจ้า พ่อรำพึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว พ่อคิดถึงภาระอันหนักอึ้งซึ่งพระคุณเจ้าทั้งสองต้องแบกในฐานะผู้เลี้ยงแกะของพระเจ้า ที่จะต้องนำพาฝูงแกะของตนไปถึงเป้าหมายแท้จริงของชีวิต คือความสุกใสรุ่งโรจน์หรืออานุภาพแห่งความรักของพระเจ้า พระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ได้กล่าวบ่อยๆ เกี่ยวเรื่องการประกาศข่าวดีและงานอภิบาลว่า “ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว มีแต่พวกเราเท่านั้น” คำกล่าวนี้แสดงถึงนัยสำคัญว่า “พระคุณเจ้าต้องการความร่วมมือจากพวกเราทุกคน ในการขับเคลื่อนพันธกิจในการประกาศข่าวดีให้ถึงเป้าหมาย” หนทางแห่งไม้กางเขนเป็นชีวิตจริงไม่ใช่เรื่องมายาหลอกลวง ถ้าเราหมั่นรำพึงถึงความเป็นไปของชีวิต เหมือนพระเยซูคริสตเจ้าทรงรำพึงถึงการเติบโตมีชีวิตของต้นข้าว เราก็จะพบสัจธรรมความจริงเหมือนพระองค์พบมาแล้ว “เมล็ดข้าวที่ไม่ได้ตกลงในดินและเน่าเปื่อย มันจะคงอยู่เพียงเมล็ดเดียว แต่ถ้ามันลงในดินและเน่าเปื่อยมันจะงอกเป็นต้นใหม่” ฉันใดก็ฉันนั้นชีวิตของเราจึงหลีกไม่พ้นสัจธรรมความจริงประการนี้ การเปลี่ยนใหม่ เกิดใหม่ พัฒนา เติบโต ล้วนต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากด้วยกันทั้งสิ้น กว่าจะเป็นผีเสื้อที่บินประดับโลกให้สวยงามมันเคยเป็นตัวหนอน มันต้องลอกคราบมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง จนในที่สุดมันต้องสละดักแด้คราบเก่าทิ้งไปจึงกลายเป็นผีเสื้อสวยงาม กระบวนการเหล่านี้ต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากความตายทั้งสิ้น ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ตายแล้วเกิดมาหลายครั้งแล้วกว่าจะเป็นเราทุกวันนี้ เด็กชาย และเด็กหญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน “ตายไปแล้ว” ชีวิตจะต้องเดินหน้าต่อจนถึงวันที่เราต้องสละสังขารอนิจจังฝ่ายโลก เข้าสู่นิรันดรภาพ ในหนทางแห่งเหวน้ำตาพระเยซูคริสตเจ้าเชิญชวนให้เราเดินติดตามพระองค์ด้วยความเพียรทน ความเข้าใจ หมั่นทำคุณงามความดีอยู่เสมอ “ใครที่อดทนจนถึงที่สุดจะได้รับความรอดพ้น” หนทางไปสวรรค์มีหนทางเดียว เป็นหนทางที่พระองค์นำหน้าชี้ทางให้ ใครที่เดินบนหนทางเดียวกับพระองค์จะได้รับความรอดพ้นมีความสุขนิรันดรกับพระองค์.จาก พ่อคนเดิม

การตักเตือนเป็นหน้าที่แห่งความรักและการรับฟังด้วยใจกว้าง

การตักเตือนกันฉันพี่น้องเป็นหน้าที่แห่งความรักของเราคริสตชนทุกคน ที่ได้รับมอบหมายจากองค์พระเยซูคริสตเจ้าตามบทบัญญัติแห่งความรัก และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าด้วย “ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง” (มธ.18:15) “ไม่มีผู้ใดพินาศ เว้นแต่ผู้ที่ต้องพินาศ” (ยน.17:12) ด้วยเหตุนี้เมื่อมีผู้ที่หลงผิดในชุมชนแห่งความเชื่อ เราซึ่งเป็นคริสตชนจะนิ่งดูดายโดยคิดว่า “ไม่ใช่ธุระของฉัน” ไม่ได้ โดยอาศัยศีลล้างบาปที่เราได้รับ เราทุกคนมีส่วนในความเป็นสงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งมีหน้าที่เป็นสงฆ์ เป็นประกาศก และเป็นกษัตริย์ การตักเตือนกันฉันพี่น้องเป็นหนึ่งในหน้าที่หลักสามประการของเรา คือหน้าที่การเป็นประกาศก เพราะประกาศกมีหน้าที่นำเอาพระประสงค์ของพระเจ้ามาแจ้งให้ประชากรของพระองค์ทราบ มีหน้าที่ประกาศข่าวดี และมีหน้าที่ตักเตือนประชากรของพระเจ้า

ในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล พระเป็นเจ้าทรงแต่งตั้งประกาศกหลายท่านไว้เพื่อช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับเบียดเบียนทำร้ายและฆ่าบรรดาประกาศก “ถ้าเราอยู่ในสมัยบรรพบุรุษ เราคงจะไม่ร่วมมือในการหลั่งเลือดบรรดาประกาศก” (มธ.23:30) และเมื่อไม่มีบรรดาประกาศกซึ่งคอยสั่งสอนตักเตือนพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงเริ่มระลึกถึงความสำคัญของบรรดาประกาศก ซึ่งเป็นดั่งมโนธรรมของสังคมที่คอยตักเตือนเมื่อพวกเขาหลงเดินออกนอกทางของพระเจ้า ในปัจจุบันพวกเราไม่ต้องการคนที่ทำหน้าที่ประกาศกแล้วหรือ ถ้าเรายังต้องการประกาศกซึ่งจะคอยตักเตือน หรือเป็นมโนธรรมของสังคมท่ามกลางเรา เราต้องมีใจกว้างพอที่จะรับฟังคำตักเตือนจากผู้อื่น ไตร่ตรองและพยายามแก้ไขความผิดบกพร่องของเรา

พระเยซูคริสตเจ้าทรงถือว่าการตักเตือนฉันพี่น้อง เป็นหน้าที่ที่บทบัญญัติแห่งความรักเรียกร้องให้เราต้องปฏิบัติ และสอนขั้นตอนในการปฏิบัติแก่เราอย่างชัดเจน ถ้าพี่น้องของเราทำผิดจงเตือนเขาเป็นการส่วนตัว ถ้าเขาไม่เชื่อจงหาพยานไปอีกสองหรือสามคน ถ้าเขาไม่เชื่อจงไปบอกผู้มีอำนาจในพระศาสนจักร ให้ตัดเขาออกจากการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร (มธ.18:15-17) ที่พระองค์สอนเช่นนี้ไม่มีเจตนาเพื่อการลงโทษ แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระบิดาที่ไม่ปรารถนาให้ใครเสียไปแม้แต่คนเดียว แม้แต่การตัดออกจากการเป็นสมาชิกพระศาสนจักรก็มีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้เกิดการเป็นที่สะดุดแก่ผู้อื่นและเพื่อให้เวลาแก่ผู้ที่กระทำผิดนั้นสำนึกผิด ถ้าเขาสำนึกผิดได้พระศาสนจักรก็พร้อมที่จะรับเขากลับเข้ามาในพระศาสนจักรตามเดิม เราจะเห็นว่าขั้นตอนที่พระเยซูคริสตเจ้าสอนเป็นไปอย่างรอบคอบ และที่สำคัญต้องสวดภาวนาเพราะหลังจากสอนขั้นตอนวิธีการแล้วพระองค์กำชับให้เราสวดภาวนา เพราะพระองค์จะประทับอยู่ท่ามกลางสองหรือสามคนที่สวดภาวนาร่วมกัน ขอให้พระวาจาของพระเจ้าเตือนใจเราให้ตระหนักถึงหน้าที่แห่งความรัก ในการตักเตือนกันฉันพี่น้อง เป็นต้น พ่อแม่ ผู้ใหญ่ บรรดาผู้นำทั้งหลาย เพื่อเราจะได้สามารถเป็นมโนธรรมทางสังคมให้แก่กันและกัน และช่วยเหลือกันให้เดินในหนทางที่ถูกต้องจนถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเรา คือพระอาณาจักรของพระเจ้า.

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ย. 2014 ขอให้ผู้ช่วยมิสซาและผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยมิสซา รวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อซ้อมช่วยมิสซาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
  2. เดือนตุลาคมเป็นเดือนแม่พระ ผู้ใดต้องการเชิญพ่อไปสวดสายประคำที่บ้าน ขอให้ลงชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ และที่สังเกตได้ชัดเจนได้ที่หน้าวัด

download ไฟล์ สารวัดฉบับเต็ม ได้ที่นี่ สารวัดประจำสัปดาห์ 07-09-2014

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.