ฉบับที่ 14031 วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2014

บอกเล่าให้ฟัง

“อย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์” ในเรื่องนี้คริสตชนหลายๆคนเข้าใจและมีมุมมองที่แคบเกินไป เพราะคิดว่าเป็นการมาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์เท่านั้น จริงอยู่การมาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ถือว่า เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เพราะในพระบัญญัติของพระศาสนจักรระบุอย่างชัดเจนว่า “จงร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณ และหยุดงานในวันอาทิตย์และวันฉลองบังคับ” แต่จะพิจารณาเพียงมุมมองแคบๆเท่านี้ไม่ได้ เราต้องพิจารณาให้ครอบคลุมถึงวันพระเจ้าทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงในการมาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณ ไม่เช่นนั้นเราก็จะเป็นเพียงคริสตชนที่มาร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณ พอพิธีกรรมจบก็รีบขึ้นรถกลับบ้านแล้วถือว่าได้ทำหน้าที่คริสตชนในวันพระเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว

ถ้าเราพิจารณาเจตนารมณ์ของวันพระเจ้าก็จะพบว่า วันพระเจ้าหมายถึงวันนั้นทั้งวันที่เราจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยกิจการต่างๆ เป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณ สรรเสริญ และขอบพระคุณพระองค์ ด้วยเหตุนี้วันพระเจ้าจึงครอบคลุมวันนั้นทั้งวันและกิจการต่างๆที่เรากระทำด้วย ว่ากิจการต่างๆที่เราทำนั้นเป็นการสรรเสริญ ถวายเกียรติ ขอบพระคุณพระเจ้าหรือไม่ บางคนอาจจะถามว่า การใช้เวลาอยู่ร่วมกันในครอบครัว การพักผ่อน ถือว่าเป็นการฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ พ่อคงต้องถามว่ากิจการต่างๆที่เราทำเป็นกิจการอะไร ดีหรือไม่ดี ถ้าเป็นกิจการที่ดีเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว หรือแม้กระทั่งการพักผ่อนที่ดีทำให้สดชื่นเพื่อจะได้มีพลังในการทำหน้าอย่างดีในวันต่อไป ก็ต้องถือว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ต้องการให้เราร่วมมือกับพระองค์ในการสร้างสรรค์คุณงามความดี เพื่อทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ เมื่อพิจารณาในแง่มุมนี้จะเห็นชัดเจนว่าไม่ใช่ทุกอย่างจะสามารถทำได้ในวันพระเจ้า วิถีทางใหม่ของพระศาสนจักร ซึ่งพยายามที่จะทำให้พระศาสนจักรเป็นพระศาสนจักรแห่งการมีส่วนร่วม ก็ถือว่าเป็นการฉลองวันพระเจ้าด้วย หมายความว่าต่อไปนี้สัตบุรุษจะเป็นเพียงผู้รับในสิ่งที่ศาสนบริกรจัดไว้ให้ไม่ได้แล้ว สัตบุรุษจะต้องมีส่วนร่วมที่จะทำให้พิธีกรรมมีชีวิตชีวาโดยมีส่วนร่วมตามบทบาทและความสามารถของตน ทุกคนต้องถือว่าวัดเป็นชุมชนแห่งความเชื่อที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนา และทำให้ชุมชนมีความเชื่อเข้มแข็ง โดยเริ่มออกจากตนเองไปทำความรู้จักกับผู้อื่น เพื่อเสริมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หล่อเลี้ยงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยอาศัยพระวาจาของพระเจ้า และกระจายจากวัดที่เป็นศูนย์กลางไปยังชุมชนที่อยู่ในละแวกเดียวกัน บ้านใกล้เรือนเคียงจะมีการพบปะกันบ้าง เพื่อปรึกษาหารือและช่วยเหลือกันในเรื่องต่างๆทั้งทางโลกและทางธรรม บนพื้นฐานแห่งความเชื่อปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า เมื่อวันพระเจ้ามาถึงเราจะมาที่ศูนย์กลางเพื่อเติมพลังให้แก่กันและกันด้วยพระวาจาและศีลมหาสนิท นี่เป็นแนวทางที่พ่อฝันๆเอาไว้เพื่อจะพยายามร่วมมือกับพระศาสนจักรสุดความสามารถในการทำวิถีชุมชนวัด แต่จะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกๆคน ลองดูนะครับถ้าไม่ลองก็ไม่รู้จากพ่อคนเดิม

อาหารในถิ่นทุรกันดาร

นักบุญมัทธิวเล่าเรื่องการทวีขนมปังเลี้ยงประชาชน หลังจากได้เล่าเหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับพระเยซูคริสตเจ้าสองเรื่อง ประชาชนที่บ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์ไม่ต้อนรับพระองค์ “คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์”(มธ.13:57) และนักบุญยอห์นบัปติสตาถูกตัดศีรษะ “บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้พระเยซูเจ้าทรงทราบ”(มธ.14:12) หลังจากประสบกับเหตุการณ์เหล่านี้แล้วพระองค์เสด็จไปยังที่สงบในถิ่นทุรกันดาร ฉากชีวิตแบบนี้ทำให้เราเห็นความเป็นมนุษย์แท้ของพระองค์ ยามที่ประสบกับปัญหาความยุ่งยากใจพระองค์ต้องการเวลาสถานที่ที่สงบสำหรับใกล้ชิดกับพระบิดา ผู้ซึ่งสามารถเติมพลังใจให้กับพระองค์เพื่อจะได้สามารถปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาสืบไป ข้อสังเกตนี้ชวนให้เรารำพึงถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา กี่ครั้งมาแล้วที่เราประสบกับปัญหาความมืดมนของชีวิต วิกฤตการณ์ต่างๆ หลายๆครั้งเราเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยการดับเครื่องชน เพราะเราไม่ทราบว่าเราจะทำอย่างไร เราลืมพระเจ้าผู้ประทับอยู่ในความสงบเงียบซึ่งรอคอยเราอยู่ ศีลมหาสนิทเป็นพระเยซูคริสตเจ้าเองที่ประทับอยู่ท่ามกลางเรา พร้อมที่จะช่วยเหลือและนำทางเรา ทำไมเราไม่เข้าไปหาพระองค์ให้พระองค์เติมพลังใจให้กับเรา เป็นต้นในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันนัดพบระหว่างเรากับพระองค์

ปัญหาที่เกิดขึ้นในถิ่นทุรกันดารซึ่งมีประชาชนมากมายเวลาใกล้จะค่ำแล้ว และไม่มีอาหารพอที่จะเลี้ยงพวกเขา บรรดาอัครสาวกเสนอว่าให้ประชาชนกลับไปหาอาหารตามหมู่บ้าน แต่พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด”(มธ.14:16) นี่เป็นคุณลักษณะของผู้อภิบาลที่ดีที่พระองค์มีความปรารถนาให้บรรดาศิษย์ และบรรดาผู้อภิบาลทั้งหลายเลียนแบบอย่างพระองค์ นั่นก็คือรักและเมตตา ห่วงใยผู้ที่อยู่ในความดูแล และพยายามที่จะดูแลพวกเขาในทุกๆด้านเพื่อทำให้พวกเขาปลอดภัยเติบโตขึ้นในความเชื่อ

จากสภาพการณ์ของปัญหา “มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว”(มธ.14:17) จะเลี้ยงดูประชาชนหลายพันคนได้อย่างไร ตามประสามนุษย์ทำไม่ได้เรากำลังอับจนหนทางแต่สำหรับพระเจ้าทุกอย่างเป็นไปได้ พระองค์ต้องการให้เรามอบวิธีการทำงานของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ “เอามาให้เราที่นี่เถิด”(มธ.14:18) ยามที่เราประสบกับปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ยามที่เรามืดมนอับจนหนทางหลังจากที่เราได้พยายามแล้ว อย่าลืมมิติเบื้องบนคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เวลานี้เองที่เรียกร้องความเชื่อ ความวางใจในพระองค์จากเรามากที่สุด ที่เราจะฝากทุกอย่างไว้ในอ้อมพระหัตถ์ของพระองค์ให้พระองค์จัดการดูแล จากในเรื่องการทวีขนมปัง “ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง”(มธ.14:20) เราไม่ทราบแน่ชัดว่าพระเจ้าทำอย่างไร อาจจะเป็นอย่างที่นักพระคัมภีร์หลายท่านตีความก็เป็นได้ คือเห็นเด็กยอมเสียสละแล้วทุกคนต่างละอายใจจึงเอาส่วนที่ตนมีออกมาแบ่งปันกัน หรืออาจจะเป็นอัศจรรย์เหนือธรรมชาติก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นกิจการของพระเจ้าที่ช่วยเหลือประชากรของพระองค์ ดังนั้นเราอย่าลืมอาหารในถิ่นทุรกันดารนี้จงเชื่อและวางใจในพระเจ้าในการดำเนินชีวิตของเราเสมอ

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์นี้เป็นวันสื่อมวลชนสากล ขอเชิญพี่น้องร่วมสมทบทุน เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนคาทอลิก ได้ที่ตู้ทานกลางวัด
  2. ประชุมสภาภิบาล วันอาทิตย์นี้ หลังมิสซาเวลา 10.30 น. ขอเชิญคณะกรรมการสภาภิบาลทุกท่านเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันด้วย
  3. วันอาทิตย์ที่ 10 ส.ค. 2014 ขอให้ผู้ช่วยมิสซา ผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยมิสซาและผู้ที่ต้องการ อ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทยเพื่ออ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน และซ้อมช่วยมิสซา
  4. ประกาศแต่งงาน ระหว่าง นาย ปุรชิต จิตตะปะสาทะ บุตรของนาย ประกอบพงศ์ และนาง ชูเพ็ญ จิตตะปะสาทะ กับ เทเรซา วีร์ชิมา ดีสุดจิตร บุตรีของนาย วรวิทย์ และมารีอา อนุชธิติ ดีสุดจิตร ผู้ใดทราบว่าทั้งสองมีข้อขัดขวางใดๆในการแต่งงานต้องแจ้งให้เจ้าอาวาสทราบ

download ไฟล์ สารวัดฉบับเต็ม ได้ที่นี่ สารวัดประจำสัปดาห์ 3-08-2014

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.