เนื้อหาจาก May, 2019

สารวัด ฉบับที่ 151230 วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 สัปดาห์ที่หก เทศกาลปัสกา

Tuesday, May 28th, 2019

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น

ยน. 14:23-29

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ ว่า

“ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน

เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ”

 

ข้อคิด

ถ้าเรารักพระเยซูเจ้าเราก็จะปฏิบัติตามวาจาของพระองค์ พระองค์ จะพำนักอยู่กับเราและพระบิดาก็จะทรงรักเราเช่นกัน เป็นความจริงที่ว่า เมื่อเราทุกคนปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ เราก็จะพบความเป็นหนึ่งเดียวในพระองค์ เราก็ยิ่งรู้จักพระองค์ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นในชีวิต เช่นเดียวกัน ในชีวิตของเรา หากเราเชื่อ ไว้ใจในบุคคลใด เราก็จะฟังและปฏิบัติตามคำสอนของเขาด้วยความเต็มใจและยินดี และยิ่งเรารักและเชื่อในพระองค์ พระองค์ก็ทรงแสดงพระองค์แก่เรามากขึ้น ทุกๆครั้งที่เราปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์.

อะไรใหม่

ตื่นจากฝันอันหวาดกลัว

ฉันมองเห็นท้องฟ้าแจ่มกระจ่างอยู่เบื้องหน้า

ใบไม้ไหว….ดูไร้เดียงสาในสายลม

ฟังสิ….เสียงนกร้องรำพันเพลงน่ารื่นรมย์

โลกช่างงดงามเหลือเกิน

แต่ฝันอันหวาดกลัว

ผูกล่ามฉันไว้กับกาลเวลาที่ไม่เคยแน่นอน

วันนี้….เขารักฉัน

พรุ่งนี้….เขาจะยังคงรักฉันอยู่ไหม

ฉันลุกขึ้น….ก้าวเดินเข้าสู่วันใหม่ด้วยความหวาดกลัว

หน้าที่และความรับผิดชอบ

เป็นพลังขับเคลื่อนประการเดียวที่คงหลงเหลืออยู่

ฉันถูกผลักดันให้ก้าวเดินไปข้างหน้า

หนทางดูยาวไกลและเหนื่อยล้า

เมื่อดวงตะวันตกดิน ฉันล้มฟุบหมดแรง

ซบหน้าในอ้อมอกแม่ธรณี

ฟังซิ….เสียงกระซิบของแม่ที่อ่อนโยนและห่วงใย

อย่าหวั่นไหวหวาดกลัวเลย

สายลมแผ่วเบา….สัมผัสฉันด้วยรักละมุน

ฉันหลับตาลงอย่างว่านอนสอนง่าย

ซึมซับไออุ่นของแม่ธรณี

พันธนาการเริ่มผุกร่อน

อิสรภาพเริ่มกลับคืน

รอวันใหม่ที่จะก้าวเดิน…ด้วยพลังแห่งความรัก

 

ประกาศสัปดาห์ที่แล้ว

  1. ขอให้พี่น้องนำกระปุกมหาพรตนำส่งคืนที่วัดเพื่อทางวัดจะได้ดำเนินการรวบรวม และส่งไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ตามเจตนารมย์ของสังฆมณฑล และของพี่น้องต่อไป
  2. ขอจิตอาสาเด็กตั้งแต่ชั้น ป.2 – ป.6 เพื่อฝึกซ้อมโปรยดอกไม้โอกาสสมโภชพระคริสตวรกายของพระเยซูเจ้า ลงชื่อได้ที่น้าเล็ก
  3. วันอาทิตย์ที่ 19 พค นี้ ขอเชิญผู้ที่สมัครจะอ่านบทอ่านในระหว่างมิสซา รวมกันหลังมิสซาที่ศาลาเรือนไทยประมาณเวลา 10.30 น. เพื่อจัดตารางเวลาการอ่าน
  4. ต่อไปนี้ มิสซาที่พี่น้องขอจะมีผู้อ่าน อ่านจุดประสงค์ของการขอให้พี่น้องได้รับทราบก่อนมิสซาและจะนำซองมิสซาใส่พานถวายบนพระแท่นบูชา หากพี่น้องมาขอภายหลังจากที่อ่าน ก็จะนำไปอ่านและถวายให้พี่น้องในสัปดาห์ถัดไป
  5. ผู้ที่ประสงค์จะเรียนคำสอน ทั้งที่สมัครไว้แล้วหรือยังไม่ได้สมัครขอให้มาพบกับพ่อพร้อมกันใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 26 พค 2019 หลังมิสซา ที่ห้องประชุมบ้านพักพระสงฆ์ เพื่อปรึกษาหารือและดำเนินการต่อไ ป
  6.  ผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับพิธีศีลสมรสให้มาติดต่อกับพ่อเจ้าอาวาส ก่อนที่จะกำหนดวันทำพิธีไม่น้อยกว่าสามเดือน
  7. ผู้ที่ประสงค์จะให้เด็กทารกรับศีลล้างบาป (อายุไม่เกินสามปี)ให้มาติดต่อกับคุณพ่อเจ้าอาวาสก่อนหนึ่งเดือน เพื่อกำหนดวันเวลาในการรับศีลล้างบาป (ปกติจะมีพิธีศีลล้างบาปสำหรับทารกในวันอาทิตย์ต้นเดือน)

 

สัปดาห์นี้

  1. ขอเชิญผู้สูงอายุเขต 2 ทุกท่าน ร่วมแสวงบุญ                            ณ อาสนวิหาร พระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล และเยี่ยมคณะคาร์แมล(อารามชีลับ) จังหวัดจันทบุรี วันเสาร์ที่ 15 มิย 2019 ผู้สูงอายุที่สนใจ ดูรายละเอียดได้ที่หน้าวัด และลงชื่อได้ที่คุณ อรุณีย์ (คุณตาโต) และคุณ ภัทรกาณจน์ (คุณแขก)
  2. ขอเชิญผู้ที่สนใจจะร่วมอ่านพระคัมภีร์รวมกันหลังมิสซาที่ศาลาเรือนไทยประมาณเวลา 10.30 น. เพื่อแบ่งปันพระวาจาและศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกัน
  3. ขอจิตอาสาเด็กตั้งแต่ชั้น ป.2 – ป.6 เพื่อฝึกซ้อมโปรยดอกไม้โอกาสสมโภชพระคริสตวรกายของพระเยซูเจ้า ลงชื่อได้ที่น้าเล็ก
  4. ผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับพิธีศีลสมรส ให้มาติดต่อกับพ่อเจ้าอาวาสก่อนที่จะกำหนดวันทำพิธี ไม่น้อยกว่าสามเดือน
  1. ผู้ที่ประสงค์จะเรียนคำสอน ทั้งที่สมัครไว้แล้วหรือยังไม่ได้สมัครขอให้มาพบกับพ่อพร้อมกัน วันอาทิตย์ที่ 26 พค 2019 นี้ หลังมิสซาที่ห้องประชุมบ้านพักพระสงค์ เพื่อปรึกษาหารือและดำเนินการต่อไป
  2. ผู้ที่ประสงค์จะให้เด็กทารก รับศีลล้างบาป (อายุไม่เกินสามปี)ให้มาติดต่อกับคุณพ่อเจ้าอาวาสก่อนหนึ่งเดือน เพื่อกำหนดวันเวลาในการรับศีลล้างบาป (ปกติจะมีพิธีศีลล้างบาปสำหรับทารกในวันอาทิตย์ต้นเดือน)
  3. พี่น้องมีอะไรเป็นข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์หรือเพื่อเป็นการ แก้ไขปรับปรุงในเรื่องต่าง ๆ ให้ติดต่อกับพ่อเจ้าอาวาส

 

คลิป Presentation โอกาสฉลอง 25 ปี วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต

สารวัด ฉบับที่ 151227 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 อาทิตย์ที่ สี่ เทศกาลปัสกา

Saturday, May 11th, 2019

บอกเล่าให้ฟัง

ยามเช้าเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องเรามองด้วยความหวัง แสงอรุณของวันใหม่ ทำให้เรารู้สึกได้ถึงชีวิตใหม่ลมหายใจใหม่ ที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา ยามเย็นค่ำหลังจากตรากตรำทำงานมาจนเหนื่อยล้า เรามาถึงที่นอนพักผ่อนด้วยความรู้คุณ สวดภาวนาขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันเวลาที่ผ่านไปอีกวันหนึ่ง สิ่งใดดีที่เราทำเราขอบพระคุณถวายเป็นเกียรติแด่พระเจ้า สิ่งใดเป็นความผิดพลาดบกพร่องเพราะความอ่อนแอ เราขอโทษพระองค์ และวอนขอพระพรปกป้องคุ้มครองในยามที่เราพักผ่อนหลับนอน ฝากจิตวิญญาณของเราไว้ในอ้อมพระหัตถ์ของพระองค์ ที่เราทำเช่นนี้เพราะเราไม่แน่ใจว่าวันพรุ่งนี้จะมีสำหรับอีกหรือเปล่า วันพรุ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนสำหรับเรา ทำให้พ่อคิดถึงเพลงๆหนึ่งที่พ่อเคยฟัง ผู้แต่งเขาให้ชื่อว่า พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ เราจะได้พบอะไร คงมีคำถามมากมาย ที่ไม่อาจรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ไม่รู้ เราจะได้พบความสุข หรือเราจะต้องทุกข์เท่าไร คงไม่อาจทำให้เป็นเหมือนที่เราตั้งใจ พรุ่งนี้ ถ้าหากจะเจอปัญหา ขอฝากให้องค์พระคริสต์นำพา ให้ผ่านเหมือนในวันนี้ พรุ่งนี้ แม้อาจจะดีจะร้าย ไม่หวั่นไม่กลัว แต่ขอวางใจ ให้พระเยซูนำทาง

ในความไม่จีรังยั่งยืนมืดมิดแห่งชีวิต พระคริสตเจ้าเป็นความหวัง พระองค์เป็นดั่งแสงอรุณแห่งวันใหม่ที่ส่องเข้ามาในความมืด เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ขึ้นแล้วไม่มีวันล่วงลับดับแสง พระองค์เดินนำหน้าเราไปก่อนแล้วในหนทางแห่งความทุกข์ระทม ระบมไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวความตาย เพื่อปฏิบัติพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์ จนในที่สุด ชัยชนะของพระองค์ปรากฏเด่นชัดในวันที่สาม เมื่อพระองค์เสด็จกลับคืนพระชนมชีพ นี่เป็นพระธรรมล้ำลึกปัสกาซึ่งเป็นแสงอรุณใหม่แห่งความหวังของเรา พระธรรมล้ำลึกปัสกาจึงเป็นคำตอบสำหรับชีวิตของเรา ในยามที่เราประสบกับความทุกข์ยากลำบาก ความเจ็บป่วย ความสิ้นหวัง ความผิดหวังต่างๆ เมื่อเรามองไปยังไม้กางเขนของพระเยซูคริสตเจ้า เราจะพบว่าบนหนทางสายนี้พระเยซูคริสตเจ้าทรงเดินนำเราไปก่อนแล้ว และเชิญชวนเราทุกคนให้ติดตามพระองค์ไป ใครอยากติดตามพระองค์ต้องเลิกคิดถึงตนเองแบกกางเขนของตนแล้วตามพระองค์ไป

ปัสกาหมายถึง การผ่านพ้น เราต้องผ่านจากชีวิตเก่าวิถีชีวิตแบบ เดิมๆเข้าสู่ชีวิตใหม่ การผ่านนี้จะต้องยอมสละสภาพเก่าและสภาพใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้น เหมือนกับทฤษฎีเมล็ดข้าวที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงประกาศไว้เป็นสัจธรรมแห่งชีวิต “เมล็ดต้องตกลงในดินและเปื่อยเน่าไป จึงจะมีต้นใหม่งอกขึ้นและออกรวง ถ้ามันไม่ยอมเปื่อยเน่ามันจะคงอยู่เพียงเมล็ดเดิมเมล็ดเดียวเท่านั้น” ถ้าเราพิจารณาความเป็นมาเป็นไปของสรรพชีวิต เราจะพบว่าทุกๆชีวิตล้วนต้องอยู่ในกระบวนการนี้ทั้งสิ้น ตราบที่เรายังมีชีวิตอยู่บนโลกซึ่งเป็นอนิจจังใบนี้ ปัสกาจึงเป็นดั่งอรุณแห่งความหวังของเราทำให้เราแน่ใจว่าพรุ่งนี้แห่งชีวิตของผู้ชอบธรรม คือการมีส่วนร่วมในชัยชนะแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า พระธรรมล้ำลึก ปัสกาจึงให้ความหมายใหม่แก่ชีวิตของเรา แม้ชีวิตจะมีอุปสรรคมากแค่ไหน แม้เราจะประสบกับความทุกข์ลำบากสักเท่าใดเราจะไม่ย่อท้อ เราจะคงเดินหน้าต่อไปในหนทางของพระเจ้าด้วยความเพียรอดทน เพราะเราแน่ใจในองค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้วว่า      นี่เป็นหนทางที่เราจะมีชีวิตใหม่ มีส่วนในชัยชนะแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์.

จาก คุณพ่อเจ้าวัด

 

แกะที่ดีย่อมจำเสียงของผู้เลี้ยงแกะได้

คำอุปมาที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงเล่านั้นส่วนใหญ่เป็นวิถีชีวิตเป็นอาชีพ ที่ชาวยิวคุ้นเคยและเห็นเป็นประจำในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว สำหรับชาวยิวการเลี้ยงแกะ ฝูงแกะเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่เป็นประจำ เพราะฉะนั้นในหมู่บ้านจะมีคอกแกะที่เป็นส่วนกลาง หมายความว่าใครก็ตามที่มีอาชีพเลี้ยงแกะเมื่อนำฝูงแกะกลับเข้ามาในหมู่บ้าน เขาจะนำฝูงแกะเข้าไปเดินเกะกะในหมู่บ้านไม่ได้ จะต้องนำฝูงแกะของตนไปรวมไว้ในคอกแกะส่วนกลาง เวลาต้อนแกะเข้าคอกคงจะไม่ยากอะไรหรอก แต่เวลาจะต้อนแกะออกไปกินหญ้านี่แหละยากหน่อย เพราะผู้เลี้ยงไม่สามารถไปตามหาแกะที่ละตัว จึงต้องเป่าทำเสียงสัญญาณจนแกะของตนจำได้ และไปยืนเป่าที่หน้าคอก เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณของผู้เลี้ยงแกะของเขาจะเดินออกมาข้างนอก และผู้เลี้ยงจะคอยดูว่าใช่แกะของเขาหรือไม่ พระเยซูคริสตเจ้าจึงตรัสว่า “เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา” (ยน.10:14)  ภาพเช่นนี้เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ใจอยู่มิใช่น้อย

ผู้เลี้ยงและแกะจะจำกันและกันได้จะมีความคุ้นเคย มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ทางด้านพระเยซูคริสตเจ้าผู้เลี้ยงแกะที่ดีของเรา ทรงจำเราได้อยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย พระองค์ได้ทำหน้าที่ของพระองค์สำเร็จสมบูรณ์ไปแล้วโดยยอมสละชีวิตเพื่อแกะของพระองค์ “เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา”(ยน.10:15) ฝ่ายพวกเราคงจะต้องลองไตร่ ตรองดูว่าใครเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เรายังจำเสียงของผู้เลี้ยงแกะที่ดีของเราได้หรือเปล่า เสียงที่เราฟังอยู่นั้นใช่เสียงของพระเยซูคริสตเจ้าหรือไม่ การจำเสียงของพระองค์ได้ หมายถึงการติดตามพระองค์ การปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ในปัจจุบันมีแหล่งที่มาของเสียงเชิญชวนพวกเราอยู่มากมาย เป็นเสียงที่ไพเราะเต็มไปด้วยของแจกของแถมที่ชวนให้หลงใหล ให้ซื้อ ให้ติดตามมันไปเรื่อยๆ จนเห็นว่ามันเป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ อาทิ การโฆษณาต่างๆ คำขวัญ นโยบายหรูๆทางการเมือง ค่านิยมทางโลก สุขนิยม บริโภคนิยม วัตถุนิยม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นกระแสที่เชิญชวนดึงดูดเราอย่างรุนแรง จนเราหันเหออกจากหนทางของพระเจ้า จำเสียงของพระองค์ไม่ได้ จนในที่สุดละทิ้งความเชื่อเลิกติดตามพระองค์

การเป็นศิษย์ที่ดีของพระเยซูคริสตเจ้า ต้องจำเสียงของพระองค์ได้ ติดตามเสียงนั้นไป โดยปฏิบัติตามพระวาจาคำสอนของพระองค์ ดำเนินชีวิตตามความเชื่อ ตอบสนองเสียงเรียกของพระองค์ “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักมัน และมันตามเรา” (ยน.10:27) ทำไมแกะจึงจำเสียงของผู้เลี้ยงได้ คำตอบก็คือ มันได้ยินได้ฟังเสียงนั้นบ่อยๆจนมันคุ้นเคยและจำได้ เราคริสตชนซึ่งเป็นแกะของพระเยซูคริสตเจ้า เราจะจำเสียงของพระองค์ได้ก็ต่อเมื่อเราต้องคลุกคลีคุ้นเคยกับพระวาจาของพระองค์มากๆ สิ่งที่ชวนให้คิดก็คือ เราให้ความสำคัญกับพระวาจาของพระเจ้าแค่ไหน ในปัจจุบันแหล่งของเสียงมันอยู่ติดตัวเราตลอดเวลา ในรูปแบบของLine ของเกมส์ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ บางคนยังเล่นเกมส์ Chat เล่นLine ตอนฟังพระวาจาของพระเจ้า ขณะร่วมบูชาขอบพระคุณ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะคุ้นเคยจำเสียงของพระเจ้าได้อย่างไร ขอให้พระวาจาของพระเจ้าที่เราได้ฟังนี้เตือนใจเรา ให้เราให้ความสำคัญ สนใจ ตั้งใจฟังพระวาจาของพระเจ้า เพื่อเราจะได้เข้าใจพระประสงค์ของพระองค์ ดำเนินชีวิตตามความเชื่อติดตามพระองค์ไป หนทางนี้แหละจะทำให้เราพบกับความสุขแท้ชีวิตนิรันดร.                                            พระเจ้าสถิตกับท่าน

คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. ขอให้พี่น้องนำกระบอกมหาพรตมาคืนที่วัด เพื่อพ่อจะได้ดำเนินการส่งให้เขต 2 และอัครสังฆมณฑล นำไปช่วยผู้ด้อยโอกาสต่อไป
  2. ขอจิตอาสาเด็กตั้งแต่ชั้น ป.2ชั้นป.6 เพื่อฝึกซ้อมโปรยดอกไม้ โอกาสสมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า  ลงชื่อได้ที่น้าเล็ก
  3. วันอาทิตย์นี้ ขอเชิญผู้ที่ช่วยมิสซา ผู้ที่จะมาช่วยมิสซา และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อซ้อมช่วยมิสซาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
  4. วันเสาร์ที่ 18 พ.ค. 2019 จะมีพิธีเปิดฉลอง 350 ปีมิสซังสยาม  ที่ตึกจอห์น ปอล โรงเรียนยอแซฟ สามพราน ผู้ที่สนใจจะไปร่วมลงชื่อได้ที่หน้าวัด รถออกเวลา 7.00 น.
  5. วันอาทิตย์ที่ 19  พ.ค.  2019 ขอเชิญผู้อ่านบทอ่าน ผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยอ่านบทอ่าน และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทยเวลา 10.30 น. เพื่อจัดตารางเวลาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน

 

คลิป Presentation โอกาสฉลอง 25 ปี  วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต

สารวัด ฉบับที่ 151226 วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 อาทิตย์ที่ สาม เทศกาลปัสกา

Saturday, May 4th, 2019

บอกเล่าให้ฟัง

ความศรัทธา ความยึดมั่นถือมั่นอย่างผิดๆ อาทิ คิดว่าตนเองถูกต้องเสมอ ถ้าจะมีความผิดพลาดอะไรก็เพราะคนอื่นไม่ใช่ฉันแน่นอน การยึดติดกับการปฏิบัติที่สืบทอดต่อกันมาอย่างไม่รู้เหตุผล หรือการเชื่อถืออย่างตาบอด ฯลฯ คือสาเหตุที่ก่อให้เกิดความทุกข์ร้อนแก่เรามากที่สุด เราจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ต่อเมื่อเราตั้งจุดหมายที่จะแก้ไขมันอย่างจริงจัง โดยทำให้จุดเริ่มต้นที่ไร้เหตุผลในชีวิตของเรา กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่มีเหตุ ผล เพื่อจะทำดังที่ว่านี้มีสิ่งสำคัญสองประการที่เราต้องทำ คือ

1.ต้องมองสิ่งที่ไร้เหตุผลสิ่งที่เบาปัญญาทุกอย่างในชีวิตให้ออกแล้วตั้งใจเรียนรู้มัน

2.ต้องเข้าใจว่าชีวิตที่ตระหนักรู้และมีเหตุผลนั้นเกิดขึ้นได้ (ต้องกล้าคิด กล้าทำ และยอมเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยใจกว้าง)

จุดมุ่งหมายสำคัญของครูแห่งมนุษยชาติทุกคนก็คือ สร้างความเข้า ใจถึงจุดเริ่มต้นที่ไร้เหตุผล และมีเหตุผลในชีวิตของเรา เราควรพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติได้ทุกเมื่อ และสลัดอคติออกไป เปิดใจให้กว้างและยอมรับ นักเดินเรือใบที่มุ่งไปในทางเดียวตลอดเวลา โดยไม่ยอมเปลี่ยนทิศทางเมื่อลมเปลี่ยนทิศ ย่อมไม่มีวันเดินเรือถึงฝังได้สำเร็จ    (เฮนรี จอร์จ)

เมื่อเราพิจารณาชีวิตของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาในชีวิตของเรา เราจะพบว่า แนวความคิดของนักคิดที่พ่อได้นำความคิดของท่านมานำเสนอไว้ข้างต้นน่าคิดมากทีเดียว เพราะเราจะพบผู้คนมากมายที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาจะเป็นของเขาอย่างนั้นชั่วนาตาปี ชีวิตและทัศนคติต่างๆไม่เคยเปลี่ยนแปลงย่ำอยู่กับที่ แม้การกระทำจะสร้างปัญหาส่งผลกระทบถึงคนอื่นและส่วนรวม เขาถูกมองด้วยสายตาที่ตำหนิติเตียน หรือหลายครั้งจะถูกว่ากล่าวด้วยวาจา แต่ก็เหมือนเดิมไม่รู้สุขรู้สมอะไร คนที่มีชีวิตอย่างนี้เป็นคนที่แปลกมากทีเดียว และจะสร้างความทุกข์ร้อนให้กับตนเองและผู้อื่น ถ้านักคิดท่านนี้ท่านคิดถูกและมีมูลความจริง อย่างที่เรามีประสบการณ์ในชีวิต การสดับรับฟังการยอมรับมโนธรรมทางสังคม ซึ่งอาจจะเป็นผล กระทบที่ก่อให้เกิดเสียหายทางสังคม เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ผู้คนรอบข้างมีต่อเรา จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องนำมาไตร่ตรองเพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น

สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คนไม่พัฒนาในทุกมิติแห่งชีวิต คือความจองหอง ความจองหองทำให้เราบูชาตนเองเป็นพระเจ้า ฉันเก่งอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว รู้ทุกอย่าง ไม่เคยทำผิด ฉันจึงเป็นมาตรการตัดสินทุกสิ่ง ศาสนาพุทธนิกายเชนเรียกคนพวกนี้ว่าชาล้นถ้วย จะเทน้ำชาดีเท่าไรขนาดไหนก็ล้นทิ้งเสียเปล่าไม่เกิดประโยชน์ ศาสนาคริสต์ พระเยซูคริสตเจ้าเรียกคนพวกนี้ว่าคนที่ทำบาปผิดต่อพระจิตเจ้า และพระองค์ยังตรัสต่อไปด้วยว่าบาปทุกชนิดที่เราทำผิดต่อพระเจ้าจะได้รับการอภัย แต่บาปผิดต่อพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัย เพราะมันคือการทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดไม่ยอมกลับใจ เราจะเห็นได้ว่าคนที่จองหอง ยึดมั่นถือมั่น ไม่ยอมรับความจริงแห่งตนเป็นคนที่พัฒนาไม่ได้ในทุกๆมิติแห่งชีวิตมนุษย์ เพราะดื้อรั้นในความผิดไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นนี่เองแหละ ที่ทำให้เขาไม่มีการพัฒนาชีวิตต้องจมอยู่ในสภาพเดิมๆเช่นนั้นตลอดไป.

จาก คุณพ่อเจ้าวัด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

การรู้จัก ความเชื่อ ความหวัง และความรัก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบรรดาอัครสาวกและบรรดาศิษย์ เป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจพัฒนาการทางความเชื่ออย่างชัดเจน ความเชื่อเริ่มต้นจากการรู้จักหรือความ รู้ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ปรารถนาที่จะเป็นคาทอลิก จะต้องมาเรียนคำสอนก่อนในการสอนคำสอนผู้สอนจะถ่ายทอดความรู้ และความเชื่อของตนให้ผู้เรียน พระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำเช่นเดียวกันเมื่อพระองค์เริ่มออกมาเทศน์สอน พระองค์ทรงเรียกอัครสาวกทั้งสิบสองให้มาใช้ชีวิตกับพระองค์ และทรงสั่งสอนพวกเขาให้รู้จักพระองค์ เนื่องจากการรู้จักหรือความรู้เป็นจุดเริ่มต้นของความเชื่อ แสดงว่าความเชื่อระดับนี้เป็นความเชื่อที่ยังไม่ลึกซึ้งไม่เข้มแข็ง ยังต้องการการพัฒนาทำให้ลึกซึ้งเข้มแข็งมากขึ้น โดยเชิญชวนให้ผู้เรียนมาสวดภาวนาและร่วมบูชาขอบพระคุณร่วมกัน เพื่อผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์ความเชื่อในกลุ่มคริสตชน

สภาพของอัครสาวกหลังจากพระเยซูคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์ ที่เราพบในพระวรสารแสดงให้เห็นว่าความเชื่อของพวกท่านยังผิวเผินอ่อนแอ อาจจะเป็นการรู้จักพระเยซูคริสตเจ้าตามทัศนะของพวกท่านเท่านั้น ด้วยเหตุนี้การสิ้นพระชนม์ของพระองค์จึงทำให้พวกท่านสิ้นหวังและกลับไปประกอบอาชีพเดิม “ซีมอบ เปโตร บอกคนอื่นว่า ข้าพเจ้าจะไปจับปลาศิษย์คนอื่นตอบว่า พวกเราจะไปกับท่านด้วย (ยน.21:3) เมื่อความเชื่อของอัครสาวกเป็นเช่นนี้ พระเยซูคริสตเจ้าจึงเสด็จมาหาพวกท่าน และกระทำกิจการหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อพัฒนาฟื้นฟูความเชื่อของพวกท่านให้เข้มแข็งและลึกซึ้งมากขึ้น อาทิ ทำให้พวกท่านจับปลาได้มาก มายซึ่งช่วยให้พวกท่านระลึกถึงเหตุการณ์ที่พวกท่านเคยประสบมาแล้ว บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป และดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก (ยน.21:6) ทรงนั่งย่างปลาและปิ้งขนมปัง เพื่อจะได้ให้บรรดาศิษย์รู้ว่าพระองค์ไม่ใช่ผี บรรดาศิษย์…..เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ….ไม่มี…คนใดกล้าถามว่า ท่านเป็นใคร เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า (ยน.21:9-12)

ความเชื่อเริ่มจากการรู้จักเชื่อมั่นมีความหวังจนในที่สุดรักพระองค์ ดังนั้นหลังจากที่พระเยซูคริสตเจ้าทำให้บรรดาศิษย์มีความเชื่อในพระองค์แล้ว พระองค์จึงถามนักบุญเปโตรซึ่งเป็นผู้นำของพระศาสนจักรว่า รักพระองค์หรือเปล่าถึง 3ครั้ง และสั่งดูแลฝูงแกะของพระองค์ เพราะถ้ารักพระองค์จริงจะต้องรักทุกสิ่งที่พระองค์รัก และปฏิบัติตามคำสอนติดตามพระองค์ไปในหนทางของพระองค์ พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า…..ท่านรักเราไหม…..เขาทูลตอบว่า……ข้าพเจ้ารักพระองค์….จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด (ยน.21:15-17) และหลังจากที่พระองค์ตรัสถึงชะตากรรมในบั้นปลายชีวิตของท่านแล้ว พระองค์เชิญชวนท่านให้ติดตามพระองค์ จงตามเรามาเถิด (ยน.21:19) จนในที่สุดท่านได้ตอบรับคำเชิญของพระองค์โดยยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขน ที่บรรดาศิษย์ของพระองค์ยอมลำบากทนทุกข์ทรมานยอมสละชีวิต ก็เพราะรักพระองค์ซึ่งเป็นความเชื่อที่ลึกซึ้งที่สุด   เราคริสตชนทั้งหลาย จึงต้องพยายามพัฒนาความเชื่อของตนให้ลึกซึ้งมากขึ้นทุกๆวัน โดยอาศัยการสวดภาวนา พระวาจาของพระเจ้า และศีลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเราจะได้รู้จักและรักพระองค์จนกระทั่งมีความเชื่อมั่นมีความกล้าหาญ ที่จะเลิกคิดถึงตนเองอุทิศตนเดินบนหนทางแห่งไม้กางเขนตามพระองค์ไปจนถึงเป้าหมายปลายทาง.                                                                            พระเจ้าสถิตกับท่าน

                                     คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ประกาศ

  1. ขอให้พี่น้องนำกระบอกมหาพรตมาคืนที่วัด เพื่อพ่อจะได้ดำเนินการส่งให้เขต 2 และอัครสังฆมณฑล นำไปช่วยผู้ด้อยโอกาสต่อไป
  2. ขอจิตอาสาเด็กตั้งแต่ชั้น ป.2 ชั้นป.6 เพื่อฝึกซ้อมโปรยดอกไม้โอกาสสมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า  ลงชื่อได้ที่น้าเล็ก\
  3. วันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. 2019 ขอเชิญผู้ที่ช่วยมิสซา ผู้ที่จะมาช่วยมิสซา และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกันรวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อซ้อมช่วยมิสซาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
  4. วันเสาร์ที่ 18 พ.ค. 2019 จะมีพิธีเปิดฉลอง 350 ปีมิสซังสยาม ที่ตึกจอห์น ปอล โรงเรียนยอแซฟ สามพราน ผู้ที่สนใจจะไปร่วมลงชื่อได้ที่หน้าวัด รถออกเวลา 7.00 น.
  5. วันอาทิตย์ที่ 19  พ.ค.  2019 ขอเชิญผู้อ่านบทอ่าน ผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยอ่านบทอ่าน และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทยเวลา 10.30 น. เพื่อจัดตารางเวลาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน

            ประกาศแต่งงาน

ระหว่าง                   ยอแซฟ วรพจน์ รวิวรกุล

บุตรของ        ยอแซฟ อภิทัศน์ และ โรซา ภาวนา รวิวรกุล

กับ                      นางสาว สุชาดา พงษ์เขตคาม

บุตรีของ        นาย สมชาติ และ นาง สุรีย์พร พงษ์เขตคาม

พิธีสมรสวันจันทร์ที่ 6 พ.ค. 2019 เวลา 10.00 น.

ผู้ใดทราบว่าทั้งสองมีข้อขัดขวางใดๆในการแต่งงาน

ต้องแจ้งให้พ่อเจ้าวัดทราบ

 

คลิป Presentation โอกาสฉลอง 25 ปี วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต

สารวัด ฉบับที่ 151225 วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2019 ฉลองพระเมตตาของพระเยซูคริสตเจ้า

Wednesday, May 1st, 2019

บอกเล่าให้ฟัง

ในที่สุดค่ายคำสอนภาคฤดูร้อนก็จบลง             พ่อต้องขอขอบคุณ บราเดอร์ทั้งสาม ท่านบรรดาพี่เลี้ยงเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง ที่ช่วยเหลือทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อทำให้ค่ายคำสอนภาคฤดูร้อนในปีนี้ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและสำเร็จลงได้ด้วยดี การจัดให้มีค่ายคำสอน พ่อคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่มากพอสมควร เพราะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมาก มาย พี่น้องได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในการปลูกฝังเรื่องพระเจ้าให้แก่ลูกหลานของเรา จะเป็นด้วยวิธีการหรือด้านใดก็ตาม บางคนให้เงินบริจาคแทบทุกวันอาทิตย์ บางคนนำอาหารมาให้เด็กๆและคนทำงานได้ทานกัน บางคนซื้อขนมมาฝาก บางคนมาช่วยงาน มาช่วยสอนแบ่งปันประสบการณ์แห่งความเชื่อที่ตนมีให้เด็กๆ การเป็นแบบอย่างที่ดีในการมาร่วมพิธีกรรม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่ดีน่าชื่นชม นี่คือส่วนหนึ่งของการสร้างชุมชนแห่งความเชื่อให้เข้มแข็งและมีชีวิตชีวา

ส่วนเด็กๆ ลูกหลานของเราก็คงได้รับหลายสิ่งหลายอย่างที่บราเดอร์ คุณพ่อ คุณครู พี่เลี้ยงเยาวชน และผู้ใหญ่ใจดีหลายๆท่านถ่ายทอดให้ติดตัวไป สิ่งที่เป็นรูปธรรมที่สุดที่พ่อสัมผัสได้มีมากมาย ในช่วงมีค่ายคำสอน วัดชุมชนแห่งความเชื่อของเรามีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด ผู้ใหญ่หลายท่านที่พ่อไม่เคยพบไม่เคยรู้จักก็ได้รู้จักแม้ไม่ใช่คาทอลิกด้วย เด็กๆมีเพื่อนที่เป็นคริสตชนด้วยกันมากขึ้น มาวัดมาช่วยมิสซา อ่านบทอ่าน ช่วยทำงานหลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อเด็กๆเป็นเพื่อนกัน ผู้ใหญ่ก็เริ่มรู้จักคุยกันสนิทสนมกันมากขึ้น พ่อมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่ทำจะให้สิ่งเหล่านี้ดำรงอยู่หยั่งรากลึกในชุมชนแห่งความเชื่อนี้ แม้บราเดอร์จะต้องกลับไปปฏิบัติภาระกิจของตนแล้ว แต่พวกเรายังอยู่คงจะต้องช่วยกันถักทอสานต่อเรื่องดีๆเหล่านี้ให้คงอยู่และดำเนินต่อไป หันไปมองเด็กเล็กๆที่อุตส่าห์มาเรียนคำสอนแม้จะยังไม่ได้รับศีลปีนี้ แต่ก็เริ่มสวดได้หลายบทแล้ว เด็กที่โตพอจะรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทครั้งแรกได้แล้ว ก็ได้รับการเตรียมตัวอย่างดีในการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนแห่งความเชื่อของพวกเขาต่อไป เด็กที่ได้รับศีลมหาสนิทแล้วแต่ยังไม่เข้าเกณฑ์ในการรับศีลกำลัง ก็ได้มีโอกาสรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาปด้วยตนเองอย่างสง่า ส่วนเด็กที่กำลังจะเป็นวัยรุ่นก็ได้รับศีลกำลังพร้อมที่จะเป็นทหารหาญกำลังของพระศาสนจักรต่อไป สิ่งต่างๆเหล่านี้พ่อได้เห็นได้สัมผัสด้วยตนเอง แล้วพี่น้องหละครับได้เห็นได้สัมผัสบ้างหรือเปล่า ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีก็ต้องช่วยกันทำต่อไป แม้ในอนาคตซึ่งคงจะไม่ใครหยั่งรู้ ได้เราอาจจะต้องทำกันเองโดยไม่มีบราเดอร์มาช่วย เราจะต้องทำต่อไปและต้องทำให้ได้ด้วย

เด็กๆหลายคนมาฝึกอ่านบทอ่าน มาฝึกช่วยมิสซา และเริ่มลงมือปฏิบัติกันแล้ว แม้ว่าในช่วงแรกๆอาจจะไม่ค่อยราบรื่นนัก แต่ต่อไปเขาก็จะทำได้มีความชำนาญมากขึ้น เด็กๆบางคนมาอยู่ใกล้ชิดกับบราเดอร์และคุณพ่อ เขาบอกว่าอยากจะเป็นเหมือนบราเดอร์และคุณพ่อบ้าง นี่เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสเรียกแห่งการเป็นพระสงฆ์ การเป็นธรรมทูตต่อไปในอนาคต สิ่งต่างๆเหล่านี้จะดำเนินต่อไป และเป็นจริงในอนาคตได้ก็ต่อเมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองต้องช่วยกันส่งเสริมสนับสนุน ถ้าไม่ช่วยกันสนับสนุนมันก็จะเป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง หลังจากที่บราเดอร์กลับไปปฏิบัติภารกิจของ บราเดอร์แล้ว ซึ่งพ่อไม่มีความปรารถนาจะให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเลย จึงขอความร่วมมือจากพี่น้อง ให้ช่วยกันร่วมมือกันสนับสนุนให้เด็กๆมาวัด มาช่วยกิจกรรมที่พวกเขาพอจะช่วยได้ เด็กที่ได้เรียนคำสอนไปแล้ว และหลายคนได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว พ่อขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองช่วยดูแลเอาใจใส่ให้พวกเขาได้มาปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ ถ้าอย่างนี้ได้ ชุมชนแห่งความเชื่อนี้จะเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน.

จาก คุณพ่อเจ้าวัด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 พระเมตตาและการเยียวยารักษาจากพระเจ้า

หลังจากพระเยซูคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน บรรดาสาวกและอัครสาวกทั้งหลายสิ้นหวัง หนีเอาตัวรอดกระจัดกระจาย สภาพความเชื่อของบรรดาศิษย์หลังจากที่พระเยซูคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์ เป็นสภาพความเชื่อที่หวั่นไหวคลอนแคลนและบอบช้ำ ความมืดมนแห่งชีวิตความกลัวครอบงำพวกเขาจนไม่สามารถทำอะไร นอกจากหลบซ่อนตัวให้พ้นจากสายตาของพวกชาวยิว “ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว” (ยน.20:19) พระเยซูคริสตเจ้าทรงเข้าใจสภาพความอ่อนแอของพวกเขา พวกเขาต้องการการฟื้นฟูสภาพ ต้องการกำลังใจและการเยียวยารักษา เพื่อทำให้พวกเขาสามารถก้าวผ่านพ้นความกลัวความมืดมนแห่งชีวิต ไปสู่แสงสว่างใหม่ชีวิตใหม่มีความหวังใหม่พร้อมที่จะปฏิบัติตามพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย

วิธีการฟื้นฟูสภาพและเยียวยารักษาขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ก็คือ การทำให้บรรดาศิษย์เข้าใจความหมายของพระธรรมล้ำลึกปัสกา ซึ่งเป็นความหมายที่แท้จริงของชีวิต นั่นก็คือ ต้องผ่านความยากลำบากความทุกข์ทรมาน ความตาย แล้วจึงจะได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในการกลับคืนชีพ ผ่านกางเขนไปสู่แสงสว่าง ด้วยเหตุนี้เมื่อพระองค์เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขา พระองค์จึงทรงแสดงพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกายให้พวกเขาเห็นรอยแผล ซึ่งเป็นร่องรอยที่เกิดมาจากการถูกทรมานและการสิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขนนั่นเอง “พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี” (ยน.20:20) ทำไมบรรดาศิษย์จึงมีความยินดีเมื่อเห็นพระองค์ที่อยู่ในสภาพรอยแผลเต็มไปหมด อาจเป็นเพราะเขาจำพระองค์ได้และคิดถึงคำทำนายล่วงหน้าถึงพระองค์ว่า พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์แล้วอีกสามวันจะกลับคืนพระชนมชีพ และก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเมื่อพวกเขาเห็นสภาพของพระองค์แล้ว ก็เริ่มเข้าใจความหมายของพระธรรมล้ำลึกปัสกา ซึ่งเป็นความหมายที่แท้จริงของการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ต้องติดตามพระองค์บนหนทางแห่งไม้กางเขน พวกเขาจึงสามารถน้อมรับความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ความผิดหวังด้วยความชื่นชมยินดี

มีข้อสังเกตที่น่าสนใจจากเหตุการณ์นี้บางประการ บรรดาศิษย์ชุมนุมกันในค่ำวันต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์พวกเขาต้องกำลังทำตามคำสั่งของพระอาจารย์ “จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระองค์” เมื่อพวกเขาทำตามคำสั่งแล้ว พระเยซูคริสตเจ้าก็เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขา และประทานสันติสุขให้ (ยน.20:19) การมาร่วมบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์นั้นจึงสำคัญ เป็นการทำตามคำสั่งของพระเยซูคริสตเจ้า เมื่อทำแล้วเราจะสัมผัสได้ถึงการประทับอยู่ของพระองค์ มีสันติสุขได้รับกำลังใจที่จะก้าวหน้าต่อไปในหนทางของพระองค์ นอกนั้นบูชาขอบพระคุณยังทำให้เราเข้าใจในพระเมตตารักของพระเจ้า ที่ทรงเข้าใจ ห่วงใย ดูแล และค้ำจุนชีวิตของเราเสมอ โดยอาศัยพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งเป็นทั้งยาเยียวยารักษาและเป็นพลังที่สามารถช่วยเราให้ก้าวเดินในหนทางขอพระ องค์ จนบรรลุเป้าหมายปลายทางแห่งชีวิต เราคริสตชนจึงต้องให้ความ สำคัญกับทั้งสองสิ่งนี้ ด้วยการฟังพระวาจาแล้วนำไปปฏิบัติตาม และมาร่วมบูชาขอบพระคุณ และรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆด้วยความศรัทธา เพื่อเราจะได้รับการหล่อเลี้ยงเยียวยารักษาด้วยพระเมตตาของพระองค์.

พระเจ้าสถิตกับท่าน

                                                                   คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ประกาศ

  1. วันเสาร์ที่ 4 พ.ค. 2019 เป็นวันผู้สูงอายุของวัด ขอเชิญผู้สูงอายุทุกท่านมาสวดภาวนา และร่วมมิสซาด้วยกัน มิสซาเวลา 10.00 น. หลังมิสซามีพบปะสังสรรค์ทานอาหารร่วมกัน
  2. วันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค. 2019 เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน มีโปรดศีลล้างเด็ก ผู้ที่ปรารถนาจะนำลูกหลานมารับศีลล้างบาปให้กรอกข้อมูลล่วงหน้าและส่งข้อมูลล่วงหน้าด้วย
  3. วันศุกร์ที่ 3 เป็นวันศุกร์ต้นเดือน ขอเชิญพี่น้องร่วมมิสซาแสดงความศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า มีทำชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ เวลา 18.30 น. และต่อมิสซาบูชาขอบพระคุณ
  4. ขอให้พี่น้องนำกระบอกมหาพรตมาคืนที่วัด เพื่อพ่อจะได้ดำเนินการส่งให้เขต2และอัครสังฆมณฑลนำไปช่วยผู้ด้อยโอกาสต่อ
  5. วันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. 2019 ขอเชิญผู้ที่ช่วยมิสซา ผู้ที่จะมาช่วยมิสซา และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทย เพื่อซ้อมช่วยมิสซาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน

            ประกาศแต่งงาน

ระหว่าง                     ยอแซฟ วรพจน์ รวิวรกุล

บุตรของ           ยอแซฟ อภิทัศน์ และ โรซา ภาวนา รวิวรกุล

กับ                          นางสาว สุชาดา พงษ์เขตคาม

บุตรีของ        นาย สมชาติ และ นาง สุรีย์พร พงษ์เขตคาม

พิธีสมรสวันจันทร์ที่ 6 พ.ค. 2019 เวลา 10.00 น.

ผู้ใดทราบว่าทั้งสองมีข้อขัดขวางใดๆในการแต่งงาน

ต้องแจ้งให้พ่อเจ้าวัดทราบ

 

คลิป Presentation โอกาสฉลอง 25 ปีวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต

สารวัด ฉบับที่ 151224 วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2019 สมโภชปัสกา พระเยซูคริสตเจ้า ทรงกลับคืนพระชนมชีพ

Wednesday, May 1st, 2019

บอกเล่าให้ฟัง

พระธรรมล้ำลึกปัสกา ถือว่า  เป็นพระธรรมล้ำลึกที่สำคัญที่สุดของพระศาสนจักร ทุกครั้งที่พระสงฆ์ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณ เป็นการฉลองพระธรรมล้ำลึกนี้เป็นพิเศษในการถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ วันสมโภช ปัสกา จึงเป็นการสมโภชใหญ่และสำคัญที่สุดในรอบปีพิธีกรรมของพระศาสนจักร เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงรับทนทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อช่วยมนุษยชาติให้ได้รับความรอดพ้น มีชีวิตใหม่ในพระองค์ ในวันสมโภชปัสกาจึงเป็นการฉลองชีวิตใหม่ที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เราทุกคน เมื่อเข้าเทศกาลมหาพรตเพื่อเตรียมสมโภชปัสกา ถ้าใครเคยไปยุโรปจะพบว่าช่วงเวลานั้นจะเป็นฤดูใบไม้ผลิพอดี เป็นฤดูที่สวยงามสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูกาลที่เสริมส่งให้เราเข้าใจพระธรรมล้ำลึกปัสกามากขึ้น เพราะต้มไม้กำลังผลิใบออกดอกหลังจากที่มันยืนต้นเป็นเหมือนต้นไม้ตาย มาหลายเดือนในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติที่กลับมีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ในประเทศไทยฤดูกาลมันไม่ค่อยเสริมส่งเท่าไร เพราะวันปัสกามักจะอยู่ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร้อนมาก ด้วยเหตุนี้ฤดูกาลแทนที่จะเป็นเครื่องหมายแห่งชีวิตใหม่ จึงกลับกลายเป็นเครื่องหมายแห่งความตาย ที่จริงก็ดีเหมือนกัน มันคงจะทำให้เรารำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้เราเข้าใจพระธรรมล้ำลึกปัสกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นการใช้สัญลักษณ์จึงเข้ามามีบทบาท    เพื่อช่วยเราให้เข้าใจพระธรรมล้ำลึก ปัสกามากขึ้น สัญลักษณ์ที่แสดงถึงชีวิตใหม่นอกจากฤดูกาลตามที่เขียนเล่ามาข้างต้นแล้ว ในพระศาสนจักรยังได้หยิบยกเอาธรรมเนียมโบราณของหลายประเทศ และสิ่งอื่นๆที่พอจะช่วยเราให้เข้าใจความหมายของพระธรรมล้ำลึกปัสกามาใช้อีกด้วย

“ไข่ปัสกา” เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตใหม่ที่นิยมใช้กันมากพอสมควร เพราะชาวอียิปต์โบราณและชาวเปอร์เซีย จะจัดงานฉลองใหญ่เมื่อฤดูใบไม้ผลิเวียนมาบรรจบครบรอบปี พวกเขาถือว่าชีวิตใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว ในงานฉลองฤดูใบไม้ผลินี้พวกเขาฉลองด้วยการกินไข่ “ไข่”เป็นเครื่องหมายแห่งชีวิตเพราะเมื่อพบว่าที่ไหนมีไข่เราสามารถอนุมานได้ว่า อีกไม่นานจะมีชีวิตใหม่เกิดขึ้น ถ้าเห็นแม่ไก่กำลังฝักไข่เราก็มีความหวังว่าอีกไม่นานจะเห็นลูกเจี๊ยบเกิดขึ้น “ไข่” จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดมาและการมีชีวิตใหม่ นอกนั้นยังมีธรรมเนียมโบราณของพระศาสนจักรที่ห้ามกินไข่ในเทศกาลมหาพรต เมื่อสิ้นสุดเทศกาลมหาพรตคริสตชนจึงฉลองปัสกาด้วยการกินไข่ คงจะเหมือนๆกับเทศกาลคาร์นิวัล (Carnaval) ซึ่งจะจัดขึ้นก่อนวันพุธรับเถ้า คำนี้มาจากภาษาลาตินว่า Carne แปลว่า เนื้อ Vale แปลว่า ลาก่อน พอมารวมกันเข้าจึงแปลว่า “เนื้อลาก่อน” หรือเรียกว่า “เทศกาลอำลาเนื้อ”

          “กระต่ายปัสกา” กระต่ายถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่ออกลูกดก อีกทั้งยังมีตำนานเล่าว่า เมื่อไข่ปัสกาเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่แล้ว บางที่จึงมีการจัดกิจกรรมซ่อนและหาไข่ปัสกาเกิดขึ้น ครั้งหนึ่งมีการจัดกิจกรรมซ่อนไข่ปัสกา และให้เด็กออกไปหาขณะที่กำลังหาอยู่นั้นเผอิญเด็กคนหนึ่งไปพบกระต่ายกระโดดออกมาจากบริเวณที่เขาจะเดินเข้าไปหาไข่ปัสกาเมื่อ เข้าไปถึงก็พบไข่ปัสกาอยู่ตรงนั้น เลยเป็นที่มาของกระต่ายนำไข่ปัสกามาให้ ไข่ปัสกาหมายถึงชีวิตใหม่ กระต่ายจึงเป็นสัญลักษณ์ของการนำชีวิตใหม่ เมื่อคุณ ลักษณะการมีลูกดกของกระต่ายบวกด้วยตำนาน กระต่ายจึงเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของชีวิตใหม่

สัญลักษณ์เหล่านี้แม้จะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพิธีกรรมโดยตรง แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายความหมายแห่งปัสกาของพระเยซูคริสตเจ้า ที่นำชีวิตใหม่มาให้กับมนุษยชาติ และทำให้มนุษยชาติได้รับความรอดพ้น.

                                                                       จากคุณพ่อเจ้าวัด

 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พระธรรมล้ำลึกปัสกา

พระธรรมล้ำลึกปัสกา หมายถึง การรับทนทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อไถ่บาปช่วยมนุษยชาติให้ได้รับความรอดพ้นของพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแห่งข้อความเชื่อทั้งหมดของเรา ถ้าพระเยซูคริสตเจ้า ไม่ได้รับทนทรมาน ไม่ได้สิ้นพระชนม์ และไม่ได้กลับคืนพระชนมชีพ ความเชื่อของเราจะเป็นความเท็จเป็นการโกหกทั้งสิ้น เพราะข้อความเชื่อของเราทั้งหมด ล้วนมีความสัมพันธ์กับพระธรรมล้ำลึก ปัสกา พระธรรมล้ำลึกปัสกาเป็นสิ่งที่ยากที่จะเชื่อและยอมรับตามประสามนุษย์ จากสิ่งที่บรรดาศิษย์และอัครสาวกประสบ คือคนๆหนึ่งถูกทรมาน ตอกตรึงบนไม้กางเขนสิ้นเรี่ยวแรงจนตาย ถูกหอกแทงที่สีข้างเลือดและน้ำไหลหลั่งออกมามากมาย ซึ่งแสดงว่าคนๆนั้นตายจริงๆ และจะให้พวกเขาเชื่อว่าคนที่พวกเขาเห็นด้วยตาว่าตายแล้ว ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายกลับมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งได้อย่างไร

เนื่องจากตามประสามนุษย์เป็นสิ่งที่ยอมรับและเชื่อยากอย่างนี้ พระเยซูคริสตเจ้าจึงต้องแสดงเครื่องหมายทางกายภาพหลายอย่าง พระคูหาว่างเปล่าทุกอย่างถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบ เห็นผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง (ยน.20:6-7) พระองค์ทรงปรากฏองค์ให้บรรดาศิษย์และอัครสาวกได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส และได้รับประทานอาหารร่วมกับพระองค์  เพื่อกระตุ้นเตือนพวกท่านให้คิดถึงการทำนายล่วงหน้าของพระองค์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยพวกเขาจะได้สามารถก้าวพ้นเหตุการณ์ทางกายภาพ ตามประสามนุษย์ไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งและมีความเชื่อในพระองค์ แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ยิน ได้เห็น จะก้าวพ้นเหตุการณ์ทางกายภาพและมีความเชื่อ เขายังคงไม่เชื่อและดำเนินชีวิตเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีเครื่องหมายทางกายภาพหลายอย่าง มีคนจำนวนมากมายที่มีประสบการณ์รู้เห็นเหตุการณ์ เป็นพยาน ไปบอกเล่า พาไปดูหลักฐาน แต่ก็ยังมีคนมากมายที่ไม่เชื่อ ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาจะทรงชักนำเขา…ทุกคนที่ได้ฟังพระบิดา และเรียนรู้จากพระองค์ก็มาหาเรา (ยน.6:44-45)

ความเชื่อจึงไม่ได้เป็นเพียงความรู้ ความเข้าใจ และการจำนนด้วยหลักฐานหรือเหตุผล แต่เป็นประสบการณ์ที่คนๆหนึ่งเข้าไปสัมผัสลิ้มรสความดีงาม ความรัก ความเมตตาของพระเจ้าด้วยตนเอง โดยอาศัยวิธีการต่างๆ อาทิ การมาร่วมบูชาขอบพระคุณ การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อย่างดี การสวดภาวนา การอ่าน ฟังพระวาจาของพระเจ้า และนำไปปฏิบัติตาม ฯลฯ เมื่อคนใดคนหนึ่งมีประสบการณ์ความเชื่อแล้ว หลักฐานและเหตุผลต่างๆ ก็จะเป็นเรื่องรองๆ ลงมาที่ช่วยเสริมให้เขามีความเชื่อมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเขาประสบปัญหาความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ความเชื่อของเขาก็จะไม่คลอนแคลนหวั่นไหวง่ายๆ เพราะเขาเชื่อมั่นในการประทับอยู่และพยานสอดส่องของพระเจ้า

แม้พยานหลักฐานในการกลับคืนพระชนมชีพจะไม่เพียงพอ และพวกเจ้าคณะสงฆ์จะจ้างคนไปประกาศว่า อัครสาวกมาขโมยพระศพไป อีกทั้งยังมีการเบียดเบียนลงโทษ แต่บรรดาอัครสาวกและสาวกอื่นๆที่มีประสบการณ์ความเชื่อทั้งหลาย ก็ยังคงยืนยันด้วยชีวิตและประกาศความเชื่อ เรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าต่อไป เหตุว่าพวกท่านมีประสบการณ์ความเชื่อเรื่องนี้จริงๆ และนี่คือพยานหลักฐานที่หนักแน่นที่สุด เพราะเป็นการยืนยันด้วยการยอมพลีชีวิตของตนเพื่อยืนยันความจริงที่พวกท่านได้ประกาศเทศน์สอน.

พระเจ้าสถิตกับท่าน

คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 ประกาศ

  1. สุขสันต์วันปัสกาสำหรับพี่น้องทุกท่าน และขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่มีส่วนช่วยทำให้พิธีกรรมในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์และการสมโภชปัสกาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
  2. วันอาทิตย์นี้ ขอเชิญผู้อ่านบทอ่าน ผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยอ่านบทอ่าน และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทยเวลา 10.30 น. เพื่อจัดตารางเวลาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
  3. วันเสาร์ที่ 27 เม.ย. 2019 จะมีพิธีโปรดศีลกำลังสำหรับเด็กๆที่มาจากทุกเขตของอัครสังมณฑลกรุงเทพ ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ มีการซ้อมพิธี 8.30 น. มิสซาเวลา 10.00 น. ขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่ เด็กที่จะรับศีลกำลังและพ่อแม่ทูลหัว ให้นัดแนะกับบราเดอร์ให้ตรงเวลาด้วย
  4. วันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. 2019 จะมีพิธีรับศีลมหาสนิทครั้งแรก และการรื้อฟื้นคำสัญญาศีลล้างบาปอย่างสง่าที่วัดของเรา ขอพี่น้องพาลูกที่จะรับศีลมาวัดก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวทำความเข้าใจกับพิธีการต่างๆ
  5. วันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค. 2019 เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน มีโปรดศีลล้างเด็ก ผู้ที่ปรารถนาจะนำลูกหลานมารับศีลล้างบาปให้กรอกข้อมูลล่วงหน้าและส่งข้อมูลล่วงหน้าด้วย
  6. ประกาศแต่งงาน

ระหว่าง                       ยอแซฟ วรพจน์ รวิวรกุล

บุตรของ           ยอแซฟ อภิทัศน์ และ โรซา ภาวนา รวิวรกุล

กับ                          นางสาว สุชาดา พงษ์เขตคาม

บุตรีของ        นาย สมชาติ และ นาง สุรีย์พร พงษ์เขตคาม

พิธีสมรสวันจันทร์ที่ 6 พ.ค. 2019 เวลา 10.00 น.

ผู้ใดทราบว่าทั้งสองมีข้อขัดขวางใดๆในการแต่งงานต้องแจ้งให้

พ่อเจ้าวัดทราบ

 

คลิป Presentation โอกาสฉลอง 25 ปี วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต