สารวัด ฉบับที่ 151281 วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 สัปดาห์ที่ 7 สมโภชพระจิตเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น

ยน 20:19-23

ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี     พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”.

ข้อคิด

เราไม่สงสัยในพลังอำนาจของพระจิตเจ้าที่ทำงานผ่านทาง บรรดาอัครสาวกและกลุ่มคริสตชนในสมัยเริ่มแรก  เพราะหลังจากที่พวกเขาได้รับพระองค์แล้ว   พวกเขาเริ่มป่าวประกาศข่าวดีอย่างกล้าหาญ เป็นพยานถึงความเชื่อในพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตทั้งครบ แม้พวกเขาหลายคนต้องพลีชีวิตตนเองเพื่อพันธกิจนี้ พวกเขายอมสละด้วยความเต็มใจ ในฐานะคริสตชนคนหนึ่ง  พระจิตเจ้าทรงมีบทบาทต่อชีวิตของเราอย่างไร?  เหมือนที่นักบุญเปาโลบอกเรา พระพรพิเศษของพระจิตเจ้ามีหลายประการ นั่นคือ เราแต่ละคนมีความรู้และความสามารถแตกต่างกัน  แต่เราต้องไม่ลืมว่าพระพรพิเศษทุกชนิดมีไว้เพื่อแบ่งปัน เราไม่ควรเก็บความรู้ความ สามารถของเราไว้เพื่อประโยชน์ของเราเองเท่านั้น แต่เราควรใช้เพื่อรับใช้ความต้องการของเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้างด้วย จำไว้เสมอว่า ยิ่งเราแบ่งปันความรู้และความสามารถของเราให้กับคนอื่นมากเท่าใด เราก็ยิ่งมีพระพรเหล่านี้มากขึ้น ขอพระจิตเจ้านำทางเราและช่วยเราให้ใช้ศักยภาพที่มีให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้.

สันติ

แม้ในวันต้นสัปดาห์….กาลเวลาใหม่

ความหวาดกลัวของอดีตยังคงคุมขังพวกเขา

ในห้องแคบที่ประตูปิดแน่น…ไร้ทางออก

ในห้องแห่งความหวาดกลัวและสับสนของสาวก

พระเยซูเสด็จมายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา

…ตรัสว่า สันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลาย

…ทรงนำสันติสุขสู่หัวใจที่หวาดกลัว

…ทรงนำอิสรภาพสู่ชีวิตที่ถูกคุมขัง

ครั้งหนึ่งเคยตรัสกับพวกเขา เราจะไม่ทิ้งท่านให้เป็นกำพร้า

และพระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อคำสัญญา

…ด้วยการกลับฟื้นคืนชีพจากแดนผู้ตาย

อีกครั้ง…ในอาหารค่ำครั้งสุดท้าย

ทรงตรัส สันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลาย

และสัญญา…เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย

เราให้สันติสุขของเรากับท่าน

ณ บัดนี้ทรงรักษาสัญญา…มอบสันติสุขของพระองค์แก่พวกเขา

ถ้าความปั่นป่วนวุ่นวายเป็นผลงานของจิตชั่ว และอำนาจมืด

สันติสุข เป็นเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระจิตเจ้า

…องค์ความสว่าง

สันติสุขมิใช่สิ่งอื่นใด

แต่…เป็นลายเซ็นของพระจิตเจ้าที่ไม่อาจปลอมแปลงได้

แท้จริงแล้ว…ในการประจักษ์ครั้งแรก ทรงนำความรักมา

และในการประจักษ์ครั้งที่สอง…ทรงนำสันติมา

ลมปราณแห่งพระจิตจึงเปี่ยมล้นชีวิตของเขาผู้เป็นศิษย์

ทรงเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความกล้า

…การถูกจองจำให้เป็นอิสรภาพ

 

ประชาสัมพันธ์ สัปดาห์ที่แล้ว

สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์                           

สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้พ่อขอเริ่มด้วยคำถามโง่ๆ หรือคำถามที่ซื่อบื้อนะครับ “ผู้ใดอยากไปสวรรค์?!?”  “ใครอยากไปนรก?!?” คำตอบที่ได้ ก็คงจะเหมือนกันหรือรู้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบอย่างไร นั่นคือ ทุกคนอยากไปสวรรค์ และคงไม่มีผู้ใดอยากไปนรก แต่สิ่งสำคัญคงไม่ใช่คำถามคำตอบนี้เท่านั้น จะต้องถามและตอบต่อไป นั่นคือ แล้วจะทำอะไรอย่างไรเพื่อจะได้ไปสวรรค์เพื่อจะได้ไม่ตกนรกและเมื่อรู้แล้วก็คงไม่ใช่เพียงรับรู้เฉยๆ แต่ต้องปฏิบัติหรือกระทำด้วย!?!    พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่เชื่อในเราและรักเรา และปฏิบัติตามบท บัญญัติของเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร” นั่นคือ จะได้อยู่ในสวรรค์+ในความรอดนิรันดร         อะไรคือบัญญัติ???  บัญญัติ 10 ประการที่พระองค์มอบแก่เรานั่นไงครับ หลงไปหรือยังครับ  รื้อฟื้นกันหน่อยนะครับ:….

  1. จงนมัสการพระเจ้าผู้เดียวของเจ้า
  2. อย่าออกพระนามของพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ
  3. วันพระเจ้าอย่าลืมฉลองเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
  4. จงนับถือบิดามารดา
  5.  อย่าฆ่าคน
  6. อย่าทำอุลามก, อย่าผิดประเวณี
  7. อย่าลักขโมย
  8. อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
  9. อย่าปลงใจผิดประเวณี
  10. อย่ามักได้ทรัพย์ของผู้อื่น

บัญญัติ 3 ข้อแรก คือสิ่งที่เราต้องปฏิบัติต่อพระเจ้า   และบัญญัติ ข้อ 4 ถึงข้อ 10 บอกให้เราต้องปฏิบัติต่อเพื่อนพี่น้องทุกคน หรือสรุปออกมาได้ง่ายๆสั้นๆ ว่า “จงรักพระเจ้าสุดใจ และจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง”

พี่น้องหลายท่านมักจะบอกว่า ได้ถือบัญญัติของพระองค์เสมอมาแล้ว ซึ่งหลายครั้ง มันรู้สึกลอยๆ เป็นแบบนามธรรม อยากให้เราลงไปให้ลึกๆ ให้เป็นแบบรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อจะได้รู้ชัดๆ ว่าเราได้ปฏิบัติหรือไม่อย่างไร                                                            กิจเมตตาธรรมฝ่ายกาย

  1. ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
  2. ให้น้ำแก่ผู้กระหาย
  3. ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ไม่มีนุ่งห่ม
  4. ให้ที่พักแก่ผู้ที่ไร้ที่อยู่
  5. เยี่ยมผู้ป่วย
  6. เยี่ยมผู้ต้องขัง
  7. ร่วมงานฝังศพ

กิจเมตตาธรรมฝ่ายจิต

  1. ให้คำแนะนำแก่ผู้สงสัย
  2. สอนคนที่ไม่รู้
  3. ตักเตือนคนบาป
  4. บรรเทาผู้ทุกข์ยาก
  5. ให้อภัยผู้ทำความผิด
  6. อดทนต่อความผิดของผู้อื่น
  7. ภาวนาสำหรับผู้เป็นและผู้ตาย

นักบุญเปาโลกล่าวว่า “พระอาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้า ไม่อยู่ในคำพูด แต่อยู่ในการกระทำ ซึ่งแสดงพระอาณุภาพของพระจิตเจ้า” (1 คร.4:20)            พี่น้องที่รัก วันนี้เราสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ เราทุกคนอยากไปสวรรค์ และเราต้องไปสวรรค์ให้ได้ เกิดมาชาติเดียว ต้องไปสวรรค์ให้ได้ แต่จะไปได้หรือไม่ได้ ต้องดูว่า เราได้ทำหรือปฏิบัติกิจต่างๆ อย่างไร เพื่อสมจะได้ไปสวรรค์หรือไม่?!?

คุณพ่อ ยอห์นวรวุฒิ กิจสกุล

 

สมโภชพระจิตเจ้าเสด็จลงมา วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2020

มนุษย์เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า  พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้ละม้ายคล้ายกับพระองค์  ทรงสร้างให้มีกาย  สร้างวิญญาณให้สนิทกับกาย เรียกว่าวิญญาณ  มนุษย์จึงมี 2 ส่วน  กายเติบโตด้วยอาหารฝ่ายกายบนโลกนี้  แต่วิญญาณของมนุษย์เป็นจิต  จึงต้องเติบโตและเจริญอยู่ได้ด้วยอาหารฝ่ายจิต คือ องค์พระจิตเจ้า    พระจิตเจ้าประทานพระคุณ ฝ่ายวิญญาณให้มีความรู้ มีสติปัญญา มากกว่าสัตว์เดรัจฉานทั่วๆไป  มีมโนธรรม รู้ดี+รู้ชั่ว  ส่วนกายของมนุษย์ก็ต้องเป็นไปเหมือนสัตว์ทั่วๆ ไป  มนุษย์จึงเป็นสัตว์ประเสริฐที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นอย่างพิเศษ  ให้มีสติปัญญา  แต่ก็มีอำเภอใจที่จะเลือกทำดีหรือทำชั่ว  ถ้ามนุษย์ผู้ใดปล่อยตัวตามธรรมชาติฝ่ายกาย  เขาผู้นั้นก็เป็นเช่นสัตว์เดรัจฉาน  มนุษย์ที่ดีจึงต้องดำรงชีวิตฝ่ายจิต  รับพระคุณพระหรรษทานฝ่ายจิต  มนุษย์จึงต้องดำรงชีวิตในองค์พระจิตเจ้า                         เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จไปสวรรค์แล้วพระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้มนุษย์ อยู่โดยลำพัง โดยปราศจากพระองค์พระเจ้า พระองค์จึงทรงส่งพระจิตของพระองค์ลงมาประทับอยู่กับเรา ทรงประทานพระพรทั้งครบทั้ง 7 ประการ ลงในจิตใจของมนุษย์

1. พระดำริ       ทำให้เรารับรู้ยิ่งกว่าสติปัญญา เหมือนกับอัจฉริยะ                          

2. สติปัญญา    ทำให้เรามีความรู้+ความเข้าใจ ในสิ่งต่างๆ มีความคิด                

3. ความคิดอ่าน ทำให้เรามีความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบในการตัดสินใจ                   

4. กำลัง      นอกจากกำลังกาย เรายังต้องการกำลังฝ่ายจิต+กำลังใจด้วย               

5. ความรู้         ทำให้เรารับรู้อัตถ์ความจริง เรียนรู้ถึงสิ่งต่างๆ ได้                           

6. ความศรัทธา   ทำให้เรายึดมั่น+เชื่อมั่น และเจริญชีวิตในความจริง                        

7. ความยำเกรง          ทำให้เราเกิดความเคารพรักศรัทธา เกรงกลัวพระเจ้าแท้

พี่น้องที่รัก  ให้พวกเราพร้อมใจอธิษฐานภาวนา  วอนขอพระจิตเจ้า  หลั่งพระหรรษทาน  พระพร  พระคุณทั้งครบของพระองค์ลงในจิตใจของพวกเราทุกคน  เพื่อเราจะสามารถดำรงชีวิตในหนทางที่ดี+ที่ถูกต้อง  มิฉะนั้นแล้ว หากเราขาดพระคุณของพระจิตนำทาง เราจะหลงไป เราจะดำรงชีวิตตามความปรารถนาฝ่ายกาย  เหมือนเช่นสัตว์เดรัจฉานทั่วไป  เราจะพ่ายแพ้ต่อจิตชั่วร้าย เราจะพ่ายแพ้การประจญของปีศาจ ไปทำชั่ว+ทำไม่ดี  เราอาจจะต้องตกนรกนิรันดร.

 

เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า เชิญเสด็จมาในดวงใจสัตบุรุษทั้งมวล   

คุณพ่อ ยอห์น วรวุฒิ กิจสกุล

 

Tags: , , , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.