บอกเล่าให้ฟัง
ความรักความเมตตาความเห็นอกเห็นใจ เป็นบรรทัดฐานอย่างหนึ่งในการตัดสินใจของเรา ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน หลายๆครั้งเราต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างที่มันจะ ต้องเลือกระหว่างความถูกต้องและความเมตตาความเห็นอกเห็นใจที่เราสมควรจะมีต่อผู้อื่น มันเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน เพราะ ว่าถ้าเราเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องตามกฏเกณฑ์ทุกอย่าง เราจะทำให้ผู้อื่นตกที่นั่งลำบาก แต่ถ้าเราเลือกที่จะเอาความเห็นอกเห็นใจมามีส่วนในการพิจารณา ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้กฏเกณฑ์มันไม่ศักดิ์สิทธิ์ และคนที่ตัดสินใจอย่างนี้จะถูกมองว่าเป็นคนไม่เอาไหน ไม่เด็ดขาดเป็นผู้นำคนไม่ได้ พ่อเป็นคนที่ทำงานในองค์กรพระศาสนจักร หลายต่อหลายครั้งพ่อรู้สึกแย่กับการตัดสินใจของผู้บริหารองค์กร เพราะว่าพนักงานบางคนทำบางสิ่งบางอย่างที่เสียหายไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นบริษัทหรือองค์กรอื่นๆที่ไม่ใช่องค์กรของพระศาสนจักรก็คงโดนไล่ออกไปแล้ว แต่ผู้บริหารในองค์กรของพระศาสนจักรเขาไม่ทำเช่นนั้น เพราะเขาคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อครอบครัว คนอื่นๆ และต่อคนๆนั้นเอง และตัดสินใจทำลงไป โดยให้มีผลกระทบต่อครอบครัวและคนรอบข้างของคนๆนั้นน้อยที่สุด คนภายนอกจะดูว่าผู้บริหารในองค์กรพระศาสนจักรใช้ไม่ได้ไม่เด็ดขาด ตัดสินใจไม่ดีแก้ปัญหาไม่ได้ ที่พ่อรู้สึกไม่ดีเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ย้อนคำนึงถึงคำสอนของอธิการท่านหนึ่งสมัยที่พ่อเป็นเณร ท่านเล่าถึงคนที่มาขอความช่วยเหลือ และเหตุการณ์อย่างที่พ่อเขียนเล่ามาข้างต้น ท่านบอกว่า “ท่านยอม ให้ทุกคนมองท่านว่าเป็นพระสงฆ์โง่ๆดีกว่าให้คนมองว่า ท่านเป็นพระสงฆ์ไร้ความเมตตาขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น” พ่อไม่เข้าใจเรื่องที่ท่านพูดจนกระทั่งเมื่อเป็นพระสงฆ์แล้วและได้ประสบเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพราะหลายๆครั้งพ่อเป็นพระสงฆ์โง่และบริหารไม่เป็นในสายบตาของผู้คนจริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องต่างๆ เหล่านี้แล้วก็อดนึกสมเพชและอดขำตนเองไม่ได้ ทำไมคนเก่งๆดีๆมีเยอะแยะไปหมดทำไมพระเจ้าต้องมาเลือกคนโง่ๆอย่างเราก็ไม่รู้ ทำอะไรก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร แต่เมื่อมองไปที่พระเยซูคริสตเจ้าพระอาจารย์ ความรู้สึกเศร้าหมองกลับดีขึ้นมามากทีเดียว เพราะพระอาจารย์ของเราเคยประ สบชะตากรรมเช่นเดียวกัน พระองค์ตรัสว่า “เราพอใจในความเมตตากรุณามากกว่าเครื่องบูชา” “วันสะบาโตมีไว้เพื่อมนุษย์มิใช่มนุษย์มีไว้เพื่อวันสะบาโต” เมื่อพระองค์ตรัสไว้เช่นนี้ พ่อคิดว่าพระองค์ก็คงประสบปัญหาในทำนองเดียวกัน จึงไม่แปลกอะไรที่เราประสบปัญหาเช่นนี้บ้าง เพราะศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนือพระอาจารย์ พระอาจารย์ประสบปัญหาอะไรลูกศิษย์คงจะ ต้องประสบบ้างเป็นธรรมดา พ่อนั่งรำพึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้าตั้งแต่พ่อเป็นผู้ฟัง จนกระทั่งได้มาประ สบกับตนเอง พ่อต้องขอบพระคุณพระเจ้าและพระชนนีของพระองค์อย่างไม่รู้จักจบสิ้น เพราะพ่อได้เห็นความช่วยเหลือเกื้อ กูลและผู้มีน้ำใจดีมากมายปรากฎขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ เหมือน กับคำพังเพยที่ว่า “ถ้าไม่มีสงครามเราคงไม่พบวีรบุรุษ” ถึงแม้จะมีคำพังเพยเช่นนี้ คงไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องก่อปัญหาก่อสงคราม ตรงกันข้ามพวกเราต้องร่วมใจกันสร้างสันติสุขในชุมชนความเชื่อวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้าแห่งนี้ และพยา ยามสร้างบรรยากาศของความเป็นหนึ่งเดียวกันรักกันเห็นอกเห็นใจกันและกัน ขอพระเจ้าตอบแทนน้ำใจดีของพี่น้อง ที่พี่น้องได้แสดงให้เห็นประจักษ์ในเวลาที่ผ่านๆมา และพ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะรักกันช่วยเหลือกันมีน้ำใจต่อกันเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้นต่อไป.
จาก คุณพ่อเจ้าวัด
***************************************************************
ประสบการณ์ความเชื่อ
กิจการต่างๆที่พระศาสนจักรนำเสนอให้เราคริสตชนปฏิบัติในเทศกาลมหาพรต เป็นกิจการที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น หนทางที่มนุษย์ทุกคนต้องมุ่งหน้าไปจนบรรลุเป้าหมายปลายทาง ไม่ใช่หนทางที่โปรยด้วยดอกกุหลาบหนทางที่ราบรื่นเดินสบายๆ อย่างที่หลายๆคนกำลังคิดอยู่ กิจการที่พระศาสนจักรแนะนำให้เราปฏิบัติในเทศกาลมหาพรต ทำให้เราทราบว่าชีวิตมนุษย์นั้นเปราะบางอ่อนแอ ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค์ ความทุกข์ลำบากในชีวิตมากมายกว่าจะบรรลุถึงเป้าหมายแห่งชีวิต และพระเยซูคริสตเจ้าเองทรงบอกกับเราตรงไปตรงมาว่า “หนทางที่จะบรรลุเป้าหมายแท้จริงของชีวิตคือหนทางแห่งไม้กางเขน” “ถ้า ผู้ใดอยากติดตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้องสูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้” (ลก.9:23-24) หนทางแห่งความเพียรทนเสียสละอุทิศตนเช่นนี้ กิจการที่เราปฏิบัติในเทศกาลมหาพรตบอกเราว่า ลำพังกำลังความสามารถของมนุษย์เท่านั้น ไม่มีทางที่จะทำให้เราเดินหน้าฟันฝ่าอุปสรรค์ ความทุกข์ยากลำบากต่างๆจนบรรลุเป้าหมายปลายทาง เราจึงต้องพึ่งพระหรรษทานความช่วยเหลือจากพระเจ้า
พระเยซูคริสตเจ้าทรงเข้าใจ ธรรมชาติความอ่อนแอของมนุษย์เป็นอย่างดี ทรงทราบว่าหลังจากพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้ว บรรดาสานุศิษย์ของพระองค์จะตกอยู่ในสภาพเช่นไร พระองค์จึงทรงเลือกบุคคลสำคัญซึ่งเป็นผู้นำของบรรดาศิษย์ ขึ้นไปอธิษฐานภาวนาบนภูเขาพร้อมกับพระองค์ และให้พวกเขามีโอกาสสัมผัสพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ซึ่งเป็นความสุขความชื่นชมยินดีในสวรรค์ “พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น ยากอบ ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา…พระพักตร์เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์มีสีขาวเจิดจ้า…..เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระ องค์และบุรุษทั้งสอง” (ลก.9:28-32) การสัมผัสความสุขความชื่นชมยินดีในสวรรค์ เป็นประสบการณ์ความเชื่อซึ่งเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ ทำให้อัครสาวกทั้งสามสามารถพลิกฟื้นความเชื่อที่คลอนแคลน หลังจากที่พระเยซูคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์ กลับมามั่นคงอีกครั้ง อีกทั้งประสบการณ์ความเชื่อของอัครสาวกทั้งสาม ยังสามารถเป็นพยานเรียกขวัญ ความหวัง และกำลังใจของบรรดาศิษย์ที่กระเจิดกระเจิงไปแล้วกลับคืนมา
พระศาสนจักรทราบเช่นเดียวกันว่ามนุษย์จะต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายปลายทางและประสบ การณ์ความเชื่อนี่แหละ จะเป็นพลังที่สำคัญทำให้มนุษย์บรรลุเป้า หมายแห่งชีวิต พระศาสนจักรจึงนำเสนอวิธีการที่จะช่วยให้คริสตชนมีประสบการณ์ความเชื่อ นั่นก็คือการอ่านและฟังพระวาจาของพระเจ้าแล้วนำไปปฏิบัติตาม และการอธิษฐานภาวนา พระวาจาของพระเจ้าจะเป็นคำตอบสำหรับชีวิตของเรา จึงมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเรา ผู้ที่เราได้เลือกสรร จงฟังท่านเถิด” (ลก.9:35) นักบุญลูกาให้กำลังใจเราโดยอาศัยพระสิริรุ่งโรจน์ที่ปรากฏในขณะที่อธิษฐานภาวนา เมื่อชีวิตของเราต้องเผชิญกับความล้มเหลว ความทุกข์ยากลำบาก วิกฤติการณ์ต่างๆ การอธิษฐานภาวนาสามารถปรับเปลี่ยนจิตใจให้เข้มแข็ง สามารถฟันฝ่าอุปสรรค์ความทุกข์ยากลำบากต่างๆจนถึงเป้าหมายปลายทางแห่งชีวิต.
พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์
***************************************************************
ประกาศ
- ในเทศกาลมหาพรตมีเดินรูป 14 ภาค
ก่อนมิสซาบูชาขอบพระคุณ วันเสาร์เวลา 19.00 น.
วันอาทิตย์ เวลา 8.45 น. ส่วนกิจศรัทธาอื่นของดไป
ให้พี่น้องทำส่วนตัวในเทศกาลมหาพรต
- ขอให้พี่น้องนำกระบอกมหาพรตไปไว้ที่บ้านเพื่อออมเงินที่ได้จากการทำพลีกรรมจำศีลอดอาหารการเสียสละเรื่องอื่นๆ และเงินที่พี่น้องปรารถนาที่จะช่วยผู้ด้อยโอกาส แล้วนำมาคืนที่วัดหลังจากจบเทศกาลมหาพรต
- วันอาทิตย์นี้ ขอเชิญผู้อ่านบทอ่าน ผู้ที่ปรารถนาจะมาช่วยอ่านบทอ่าน และผู้ที่ปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน รวมกันที่ศาลาเรือนไทยเวลา 10.30 น. เพื่อจัดตารางเวลาและอ่านพระคัมภีร์ร่วมกัน
- วันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. 2019 ประชุมสภาภิบาล เวลา 10.30 น. ขอเชิญคณะกรรมการสภาภิบาลทุกท่านเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพียง
- ค่ายคำสอนภาคฤดูร้อน ในปีนี้จะเริ่ม วันที่ 21 มี.ค จนถึงประมาณ 25 เม.ย 2019 ผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกหลานมาเรียนคำสอน ลงชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ความต้องการรถรับส่งได้ที่หน้าวัด
- การซ่อมแซมวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจกันในด้านต่างๆจนสำเร็จ ขอพระเจ้าตอบแทนน้ำใจดีของพี่น้อง
ทุกท่าน ถ้าผู้ใดต้องการช่วยค่าซ่อมแซมวัดครั้งนี้มอบได้ที่คุณพ่อเจ้าวัด
Presentation โอกาสฉลอง 25 ปี วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต
Tags: ประกาศจากทางวัด, ประกาศประจำสัปดาห์, สารวัด, สารวัด วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต