บทอ่านจากพระวรสารนักบุญูยอห์น
ยน 14 : 23-29
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเราก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้าที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ.
“ประตูนครเยรูซาเล็มใหม่ลอยลงมาจากฟ้า ใสเหมือนแก้วผลึกทั้ง 12 บาน จึงจารึกชื่อบรรดาลูกของยาโคบ 12 ตระกูล และเสาอันเป็นรากฐานแห่งนครเยรูซาเล็มใหม่ หรือพระศาสนจักร จารึกชื่ออัครสาวก 12 องค์ของพระเยซูเจ้า”
….อ่านประกอบพระคัมภีร์….. วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
บทอ่านที่ 1 หนังสือกิจการอัครสาวก (กจ 15 : 1-2, 22-29) เล่าเรื่อง ราวจุดเปลี่ยนอันสำคัญในพระศาสนจักร ต่อไปนี้คริสตชนกำลังจะหลุดออกมาจากศาสนายิวอย่างเด็ดขาดแล้ว สัญลักษณ์ที่อับราฮัมต้นตระกูลชาวอิสราเอลได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้ทำเครื่องหมายว่าพวกเขาเป็นประชากรของพระเป็นเจ้าคือชายทุกคนที่เกิดมาต้องทำพิธีเข้าสุหนัต แต่บัดนี้ประชากรของพระเจ้าอาศัยการสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า จะกลายเป็นชนนานาชาติมิใช่จำกัดอยู่แค่ประชากรชาวอิสราเอลเท่านั้น ชนนานาชาติมาเป็นประชากรของพระเจ้าได้อาศัยความเชื่อและรับศีลล้างบาปในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า การเข้าสุหนัตจึงไม่มีความจำเป็นในหมู่ประชากรของพระเจ้าแล้ว ชาวยิวบางคนรู้สึกความสำคัญของตนเองในการเป็นประชากรของพระเจ้ากำลังจะลดลงเท่าๆกับชนนานาชาติก็ไม่พอใจ เดินทางไปยังเมืองอันทิโอกที่เปาโลและบารนาบัสแพร่ธรรมอย่างเกิดผลและประกาศต่อนานาชาติที่รับศีลล้างบาปแล้วว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้ “ ที่จริงเปาโลมิได้ลบล้างธรรมบัญญัติของโมเสส ชาวยิวก็ยังคงเข้าสุหนัตตามธรรมบัญญัติต่อไปในหมู่พวกเขา แต่เปาโลเห็นว่า
- คนต่างศาสนาที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่มีความจำเป็นต้องเข้าสุหนัต การเข้าสุหนัตเมื่อโตแล้วทำให้ร่างกายเจ็บปวดซึ่งจะเป็นอุปสรรคทำให้คนต่างศาสนาไม่กล้ามาเป็นคริสตชน
- นักบุญเปาโลเริ่มสอนแล้วว่า ความรอดพ้นมาจากความเชื่อในองค์พระเยซูเจ้าและได้รับตราประทับจากพระจิตเจ้าในวิญญาณเมื่อรับศีลล้างบาป มิได้มาจากร่องรอยการเข้าสุหนัตในร่างกาย การเข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายการเป็นประชากรของพระเจ้าในพันธสัญญาเดิม จึงไม่มีความจำเป็นสำหรับการเป็นคริสตชนประชากรใหม่ของพระเจ้า
- วิธีที่บรรดาอัครสาวกตอบคำถามเพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นระบบชัดเจนโปร่งใสอย่างมาก มีการอภิปรายโดยนักบุญเปโตร และนักบุญยากอบ และยังให้เปาโลกับบารนาบัสเล่าบรรยากาศการแพร่ธรรมที่เมืองอันทิโอกให้ที่ประชุมฟัง จากนั้นให้นักบุญยากอบซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มคริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็มเป็นผู้ตัดสิน ในบทอ่านวันนี้ พวกเขาละเอียดถึงขนาดส่งพยานบุคคลคือยูดาสที่เรียกกันว่าบารซับบัส กับ สิลาสทั้งสองคน และเขียนจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรนำไปพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส ว่าคนต่างศาสนาที่กลับใจไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัตขอเพียงแค่ถือตามกฎที่แจ้งไปในจดหมายเท่านั้น “พวกเราตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่านแบกภาระอื่นอีก นอกจากสิ่งจำเป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำเหล่านี้ ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด” ศาสนาคริสต์กำลังหลุดออกจากศาสนายิว ไม่มีคริสตชนชั้นหนึ่งชั้นสองอย่างที่ชาวยิวบางคนคิดอยากให้มี ทุกคนต่างก็เป็นลูกของพระเจ้าเท่าเทียมกัน หลังจากเหตุการณ์นี้ เปาโลจะออกเดินทางแพร่ธรรมครั้งที่สอง และข่าวดีของพระเยซูเจ้าจะข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้าไปในแผ่นดินยุโรปแล้วครับ
บทอ่านที่ 2 หนังสือวิวรณ์ (วว 21 : 10-14,22-23) แม้เครื่องหมาย เข้าสุหนัตอาจจะไม่จำเป็นในพันธสัญญาใหม่แล้ว แต่บรรดาประชากรของพระเจ้า ชาวอิสราเอลในพันธสัญญาเดิมก็ยังเป็นเหมือนทางผ่านจากความรอดพ้นของพระเยซูเจ้ามาถึงประชากรใหม่ ประตูนครเยรูซาเล็มใหม่ลอยลงมาจากฟ้า ใสเหมือนแก้วผลึกทั้ง 12 บานจึงจารึกชื่อบรรดาลูกของยาโคบ 12 ตระกูล และเสาอันเป็นรากฐานแห่งนครเยรูซาเล็มใหม่ หรือพระศาสนจักจารึกชื่ออัครสาวก 12 องค์ของพระเยซูเจ้า พระศาสนจักรกำลังหลุดออกมาจากศาสนายูดายแน่แท้แล้ว เพราะนครเยรูซาเล็มใหม่ ไม่มีพระวิหารที่จะต้องนำสัตว์มาฆ่าถวายเป็นเครื่องบูชาแบบพันธสัญญาเดิมอีกแล้ว “ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารใดในนครนี้ เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพและลูกแกะทรงเป็นพระวิหารของนครนี้ นครนี้ไม่ต้องการดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เพื่อส่องสว่าง เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าส่องแสงเหนือนครและลูกแกะทรงเป็นตะเกียงของนคร “
พระวรสารนักบุญยอห์น (ยน 14: 23-29) พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเกริ่นถึงพระจิตเจ้าแล้ว “แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนทุกสิ่งและจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน” ที่เป็นเช่นนี้เพราะอาทิตย์หน้าเราจะสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ และตามมาด้วยสมโภชพระจิตเจ้า คริสตชนรู้สึกอบอุ่น เรามาถึงยุคสมัยแห่งความรอดพ้น ที่มีพระเจ้าประทับอยู่กับเราเสมอทุกเวลา ตั้งแต่พระเยซูเจ้าพระมหาไถ่เสด็จมาบังเกิดในโลกนี้แล้ว จำได้หรือไม่ในช่วงคริสต์มาสทุกปี เราจะอ่านบทอ่านประกาศกอิสยาห์ว่าชื่อของทารกที่จะประสูติมาคือ “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา ก็เป็นความจริงตลอดเรื่อยมาและจะประทับกับเราจนกว่าพระอาณาจักรในโลกนี้จะไปถึงซึ่งความสมบูรณ์
พระวรสารนักบุญยอห์นวันนี้ (ยน 14 : 23-29) ยังเป็นหลักฐานว่า พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงเรื่องพระตรีเอกภาพแก่เราชัดเจนที่สุด ในยุคพันธสัญญาเดิม ประชากรชาวอิสราเองรู้จักเพียงว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว และทรงพระนามว่า “ยาห์เวห์” แต่เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดในโลกนี้ พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงแก่เราว่า พระเป็นเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียว แต่เป็น สามพระบุคคล “ผู้ใดรักเราผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเราก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเราแต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่านแต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนทุกสิ่งและจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน” (ที่มา คุณพ่อพงษ์เทพ ประมวลพร้อม ไลน์กลุ่มพระสงฆ์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ)
“ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ คนเฝ้าประตูย่อมเปิดประตูให้เขาเข้าไป บรรดาแกะฟังเสียงเขา เขาเรียกชื่อแกะของตนทีละตัว และพาออกไปข้างนอก เมื่อเขาพาแกะออกไปหมดแล้ว เขาจะเดินนำหน้า และแกะก็ตามไปเพราะจำเสียงของเขาได้ แกะจะไม่ตามคนแปลกหน้าเลย แต่จะหนีจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียงของคนแปลกหน้า” (ยน.10:2-5)
พี่น้องสัตบุรุษวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต ที่รัก นี้เป็นเสียงของผู้เลี้ยงแกะ ที่พระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ส่งมาให้ร่วมชีวิตกับท่าน พร้อมกับ คุณพ่อไชโย กิจสกุล ด้วยกัน จึงขอพระวาจาของพระเยซูเจ้าเรื่อง “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” การฟังเสียงผู้เลี้ยงแกะ และผู้เลี้ยงก็รู้จักแกะ เรียกชื่อแกะของตนที่ละตัว (มีฟุตโน้ตอธิบายในพระคัมภีร์ว่า “เรียกแกะตามชื่อของมัน”) ด้วยความประทับใจในพระวาจานี้ พ่อก็พยายามจำชื่อและเรียก ชื่อพี่น้องสัตบุรุษที่พบเจอ คุ้นเคย และร่วมชีวิตกันเสมอมา รวมถึงคนขายไอติมรถเข็นที่ผ่านวัดยูดา ชินเขต ทุกอาทิตย์บ่าย และพ่อซื้อประจำ เวลานี้ ก็นายประเสริฐ ขายขนมจีบใส่กากหมูที่มาขายในซอยวัดพระชนนีฯ ของเรา
ขอนำบทกลอนของ “ภัศม์” (ฝุ่นดิน) คุณพ่ออนุสรณ์ แก้วขจร จากหนังสือรวมบทกลอน “ในนามของความเชื่อ ความหวัง และความรัก” ในชื่อบท “น้ำใสใจจริง” มาเสนอในโอกาสนี้
น้ำใสใจจริง
ใสเสมอ ทุกเมื่อ เพื่อหยิบยื่น
ใจต่อใจ ให้เปล่า มิเอาคืน
จริงดังว่า จะพาชื่น รื่นรมย์นาน
ยิ่งมี และมอบ ไร้กรอบกั้น
ให้แล้วพลัน ผู้ให้ ใจฉ่ำหวาน
ยิ่งการให้ ได้เห็น เป็นกิจการ
ได้รับคืน ความชื่นบาน ผ่านสู่ใจ
ความดี มีแล้ว ย่อมมีเหลือ
จะอุดหนุน จุนเจือ จิตใจได้
หวนย้อนคืน ความดี ที่ทำไป
กลับคืนสู่ ผู้ได้ กระทำดี
ตอบแทน ความดี ด้วยความรัก
รับรู้ และตระหนัก ความรักนี่
คุณค่า พาเพิ่ม พูนทวี
ความดีที่ ทำด้วยใจ บริสุทธิ์จริง
ขอพระชนนีของพระเป็นเจ้า อำนวยพรท่าน
คุณพ่ออนุชา (อียิปต์) ชาวแพรกน้อย
ศุกร์ 20 พฤษภาคม 2022
พวกลูก สัตบุรุษวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต ร่วมโมทนาคุณพระเจ้า ยินดีต้อนรับนายชุมพาบาลผู้อภิบาลลูกแกะ
คุณพ่อ ยอแซฟ อนุชา ชาวแพรกน้อย เจ้าอาวาส พระสงฆ์ผู้ช่วยงานอภิบาล วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต
คุณพ่อ ยอแซฟ ไชโย กิจสกุล เจ้าอาวาส พระสงฆ์ผู้ช่วยงานอภิบาล วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต
พวกลูก สัตบุรุษวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต ร่วมโมทนาคุณพระเจ้า ยินดีต้อนรับนายชุมพาบาลผู้อภิบาลลูกแกะ
Tags: ประกาศจากทางวัด, ประกาศประจำสัปดาห์, วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้ารังสิต, สารวัด, สารวัด วัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต