Posts Tagged ‘สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์’

สารวัด ฉบับที่ 151385 วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 สมโภชพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

Monday, May 30th, 2022

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญูลูกา

ลก 24:46-53

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “มีเขียนไว้ดังนี้ว่าพระคริสตเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพ จากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาป โดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องนี้ทั้งหมด  บัดนี้ เรากำลังจะส่งพระผู้ที่พระบิดาทรงสัญญาไว้มาเหนือ   ท่านทั้งหลาย เพราะฉะนั้นท่านจงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพปกคลุมจากเบี้องบน”   พระองค์ทรงนำบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานี ทรงยกพระยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพร และขณะที่อวยพระพรนั้น พระองค์ทรงแยกไปจากเขา และทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์ บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า.

 

***อ่านประกอบพระคัมภีร์ ข้อคิดจากพระวาจา***

เจตจำนงสุดท้ายของพระเยซูเจ้า   อาทิตย์สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

บทนำ

ยาโกโม ปุชชีนิ (Giacomo Puccini) นักดนตรีเอกชาวอิตาเลียน ผู้แต่งบทเพลงโอเปรา La Boheme, Madama Butterfly และ Tosca ขณะกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งขั้นสุดท้ายปี 1922  ปุชชีนิได้เขียนบทเพลง Turandot กล่าวกันว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา    ปุชชีนิเขียนบทเพลงนี้ทั้งกลางวันกลางคืนจนสุขภาพแย่ลง ปุชชีนิได้พูดกับศิษย์ของตนว่า “หากฉันเขียน Turandot ไม่จบ ช่วยเขียนต่อให้จบด้วย” ปุชชีนิมรณะปี 1924 ทิ้งงานที่ยังเขียนไม่จบไว้ และบรรดาลูกศิษย์ได้ช่วยกันเขียนต่อจนจบ   ในการเปิดการแสดงรอบปฐมทัศน์ ณ โรงละครสกาลา (La Scala) แห่งเมืองมิลานปี 1926 ทอสกานีนิ ศิษย์เอกของปุชชีนิเป็นผู้อำนวยเพลง บทเพลง Turandot ได้บรรเลงอย่างไพเราะกระทั่งถึงท่อนสุดท้ายที่ปุชชีนิเขียน ทอสกานีนิได้หยุดบรรเลงและหันมาทางผู้ชมว่า “อาจารย์ได้เขียนมาถึงตอนนี้และจากไป” ผู้ฟังปรบมือให้เกียรติอย่างยาวนาน ทอสกานีนิกล่าวต่อไปว่า “พวกเราลูกศิษย์ได้ช่วยกันเขียนต่อจนจบ” จากนั้นได้บรรเลงบทเพลงนี้จนจบ

วันนี้เราสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สี่สิบวันหลังการกลับคืนพระชนมชีพ พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ต่อหน้าบรรดาศิษย์ด้วยอำนาจของพระองค์เอง ก่อนเสด็จสู่สวรรค์พระองค์ได้ตรัสกับบรรดาศิษย์และเราแต่ละคน ให้เราสานต่องานไถ่กู้มนุษยชาติของพระองค์ให้สำเร็จ ด้วยการประกาศข่าวดีในคำพูดและการกระทำของเรา อีกทั้งเป็นวันเฉลิมฉลองการได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ซึ่งทุกคนมีส่วน

  เจตจำนงสุดท้ายของพระเยซูเจ้า

การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้ามีความแตกต่างกันในพระวรสารแต่ละฉบับ ผู้เขียนไม่ได้มุ่งให้รายละเอียดทางประวัติศาสตร์ แต่ต้องการให้ความสำคัญกับพระดำรัสที่ตรัสกับบรรดาศิษย์ ซึ่งเป็นเจตจำนงสุดท้ายของพระองค์ และได้รับการบันทึกแตกต่างกัน แต่มีความสอดคล้องกันในประเด็นที่ว่า :            1) พระเยซูเจ้าทรงมอบพันธกิจแก่บรรดาศิษย์ ซึ่งเป็นงานผูกมัดพวกเขาจนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และ 2) ทรงให้ความมั่นใจว่าจะทรงช่วยเหลือพวกเขาในการทำให้พันธกิจนี้สำเร็จ

พันธกิจแห่งการเป็นพยานถึงข่าวดีของพระเยซูเจ้าจนสุดปลายแผ่นดิน  ด้วยการออกไปทั่วโลกประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งมวล เป็นพันธกิจแจ่มชัดมาก พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นข่าวดีแก่มนุษยชาติ ทุกชาติ ทุกภาษา และวัฒนธรรม เราถูกเรียกให้บอกเล่าเรื่องราวชีวิต พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตของตน ในการเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสารในชีวิตประจำวัน พันธกิจนี้มิใช่เป้าหมายที่สำเร็จได้ด้วยกำลังความสามารถของมนุษย์

พระเยซูเจ้าทรงสัญญาประทานพลังแก่ผู้นำสารด้วยอำนาจของพระจิตเจ้า การประกาศข่าวดีแก่มนุษยชาติควรเริ่มต้นจากตัวเรา  ด้วยการคุกเข่าลงอธิษฐานภาวนาวอนขอพระพรจากพระจิตเจ้า และสารภาพว่างานทุกอย่างสำเร็จได้มิใช่ด้วยมือเรา แต่ด้วยพระหรรษทานจากเบื้องบน พระจิตเจ้าทรงช่วยเหลือให้พันธกิจนี้ดำเนินต่อไป ประการสำคัญ พระองค์ทรงสัญญาจะอยู่กับเราเสมอไปจนสิ้นพิภพ ในพระศาสนจักร ศีลมหาสนิท พระวาจาของพระเจ้า และในเพื่อนมนุษย์ เป็นการปรากฏพระองค์ในมิติของความเชื่อ

  1. บทเรียนสำหรับเรา

การสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องเป็นผู้ประกาศข่าวดี    พระเยซูเจ้าทรงมอบพันธกิจนี้แก่ผู้มีความเชื่อทุกคน  “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก  ประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งปวง” (มก 16:15) มีความแตกต่างระหว่างการเทศน์สอนกับการประกาศ เราสอนด้วยคำพูด แต่เราประกาศด้วยชีวิต เราถูกส่งไปประกาศข่าวดีแห่งชีวิตและความรัก ข่าวดีแห่งความหวังและสันติสุขในการเป็นพยานด้วยชีวิตของตน เราต้องเป็นศิษย์พระคริสต์ในทุกที่ที่เราอยู่และไป

ประการที่สอง เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ให้ความมั่นใจว่าจะอยู่กับเราตลอดไป แม้ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบากในชีวิต “เวลานี้พระเยซูเจ้าได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในสวรรค์ แต่ยังคงทรมานในโลก ในความเจ็บปวดและความทุกข์ระทมที่เรา พระกายทิพย์ของพระองค์ได้รับ” (น.เอากุสติน) เราต้องดำเนินชีวิตในความรักต่อกัน อธิษฐานภาวนาร่วมกัน ดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างให้คนอื่นเห็นความดีของพระเจ้าในตัวเรา

ประการที่สาม เราต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้า ทรงมอบบทเรียนแห่งความเชื่อ ความหวัง ความเมตตากรุณา ความรักและการให้อภัยแก่เรา แม้ไม่ได้เห็นการปรากฏพระองค์ในโลกอีก แต่ทรงปรากฏพระองค์ในพระวาจา เราต้องทำให้พระวาจาของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเรา พันธกิจในการประกาศข่าวดีแก่มนุษยชาติต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน และมีความสุภาพถ่อมตนเพื่อให้พระจิตเจ้าทรงนำทางเรา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ความปรารถนาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าก่อนจากบรรดาศิษย์สู่สวรรค์ ทรงต้องการให้พวกเขาประกาศข่าวดีแก่ทุกคนในโลก นี่เป็นเจตจำนงสุดท้ายที่ทรงต้องการจากศิษย์ของพระองค์และเราแต่ละคน เราได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารแล้วตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป ดังนั้น เราต้องนำข่าวดีนี้ไปสู่ผู้อื่น ความเชื่อที่เรามีมิใช่สมบัติส่วนบุคคลที่ต้องเก็บรักษาไว้กับตนเอง แต่ต้องแบ่งปันกับผู้อื่นด้วยชีวิตของตน  พระเยซูเจ้าทรงเสด็จสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นความหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์เช่นเดียวกัน หากเราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ในอีกด้านหนึ่ง สวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องอุทิศตนเพื่อทำให้โลกกลายเป็นสวรรค์ที่พระเจ้าประทับอยู่ สวรรค์บังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ในโลกนี้ในความรักต่อกัน การให้อภัยความผิดของกันและกัน การรับใช้ซึ่งกันและกัน และในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน…

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ที่มา : ข้อคิดพระวาจาวันอาทิตย์สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ 2021             โดยคุณพ่อ Dondaniel ขวัญ ถิ่นวัลย์    https://dondaniele.blogspot.com/

 

สวัสดีครับ พี่น้องสัตบุรุษวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า ที่รักทุกท่าน

พ่อขอเล่าเรื่องที่อิงถึงพระคุณเจ้ายอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ ที่ได้เทศน์สอนไว้ และคุณศรินทร เมธีวัชรานนท์ ได้เขียนถึงไว้ดังนี้

…ฉันคิดถึงเรื่องหนึ่งที่พระคุณเจ้าพระสังฆราชสังวาลย์ ศุระศรางค์ ประมุขแห่งสังฆมณฑลเชียงใหม่ ผู้ซึ่งฉันเคารพรักมากได้เทศน์สอนไว้และฉันก็จำจนทุกวันนี้

มีชายคนหนึ่งเป็นนักไต่เขาที่เก่งมาก วันหนึ่งเขาไปร่วมการแข่งไต่เขาและเช้าวันที่เขาคิดว่าเขาจะสามารถพิชิตยอดเขาได้  เขาจึงเริ่มออกแต่เข้ามืด ปรากฏว่าเมื่อเริ่มไปได้ไม่นานเขาเกิดพลาดพลัดตกลงมาห้อยโตงเตงกลางอากาศ  ท่าม กลางความมืดเขาตกใจมาก  วินาทีนั้นเขาคิดถึงพระเจ้า  เขาตะโกนขอความช่วยเหลือดังลั่น  “พระเจ้าโปรดช่วยข้าด้วย”  พระเจ้าเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตะโกนกลับว่า “ให้ตัดเชือก” ชายหนุ่มผู้นั้นแทนที่จะตัดเชือกตามที่พระเจ้าทรงบอก เขากลับเอาเชื่อกพันรอบเอวเขาให้แน่นยิ่งขึ้น รุ่งเช้ามีคนพบศพชายหนุ่มผู้นี้ห้อยโตงเตงแข็งตายอยู่เหนือพื้นดินเพียง 2 ฟุตเท่านั้น

เมื่อได้ฟังนิทานเรื่องนี้ ทำให้ฉันอดคิดถึงตัวเองไม่ได้  หลายๆ ครั้งเมื่อฉันตกอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกับชายผู้นี้  แต่ด้วยความเชื่อในพระองค์ ฉันจะตัดเชือกเลย โดยไม่ต้องคิดเป็นครั้งที่สอง แล้วฉันก็ตกลงสู่พื้นดินท่ามกลางความมืดมิดที่ห่างจากฉันเพียงฟุตครึ่งเท่านั้น

ความเชื่อของฉันที่มีต่อพระเป็นเจ้าในขณะนี้เป็นความเชื่อความศรัทธาที่ปราศจากเงื่อนไข  (Unconditional Faith)  จริงๆ   และจากประสบการณ์ชีวิตจริงของฉัน    ทำให้ฉันคิดถึงพระวาจาอีกบทหนึ่งที่ขอเขียนเป็นภาษาอังกฤษดังนี้ All things are possible with God  “(Mark 10:27) (ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระเจ้า  (มาระโก 10:27)  และเพราะความเชื่อความศรัทธาต่อพระเจ้านี่แหละ ทำให้ฉันดำเนินชีวิตทุกวันนี้ตามพระวาจาของพระองค์ในทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกย่างก้าว ทุกมิติของชีวิต        (จากหนังสือ ภูเขาเคลื่อนได้ โดยคุณศรินทร  เมธีวัชรานนท์ หน้า 282-283)

             คำพยานชีวิตของคุณศรินทร และเรื่องเล่าของพระคุณเจ้าสังวาลย์ ขอส่งต่อมอบให้เป็นคติธรรมสำหรับพี่น้องสัตบุรุษ    เพื่อจะได้เกิดพลังแห่งความเชื่อไว้วางใจในพระ และมีความหวังเสมอในการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์

ขอพระชนนีของพระเป็นเจ้า อำนวยพรท่าน

คุณพ่ออนุชา (อียิปต์) ชาวแพรกน้อย   

วันศุกร์ 27 พฤษภาคม 2565 เวลา 17.23 น.

                            

พระแม่มารีย์ ราชินีแห่งสันติสุข  Mary Regina Pacis

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเชิญชวนให้สวดสายประคำเพื่อสันติภาพในยูเครนและเพื่อการยุติสงครามทั่วโลก  โดยพระองค์จะทรงนำสวดสายประคำ  ณ  พระมหาวิหารแห่งพระนางมารีย์ (Basilica of St. Mary Major) กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในวันอังคารที่ 31 พฤษภาคม 2022 เวลา 18.00 น. ต่อหน้าพระรูปพระแม่มารีย์ ราชินีแห่งสันติสุข (Mary Regina Pacis) และเพื่อเป็นการปิดเดือนของแม่พระ (พฤษภาคม)

ขอเชิญพี่น้องสัตบุรุษร่วมสวดสายประคำร่วมกับพระสันตะปาปาฟรังซิส และสักการะสถานทั่วโลกในโอกาสนี้ด้วย (Joining together with Pope Francis and international shrines)

สารวัด ฉบับที่ 151280 วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

Tuesday, August 24th, 2021

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว

มธ 28:16-20

เวลานั้น บรรดาศิษย์ทั้งสิบเอ็ดได้ไปยังแคว้นกาลิลี ถึงภูเขาที่พระเยซูเจ้าทรงกำหนดไว้ เมื่อเขาเห็นพระองค์ ก็กราบนมัสการ แต่บางคนยังคงสงสัยอยู่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่า “พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้ แก่เรา ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขา เดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”

 

ข้อคิด

ก่อนจะพูดถึงภารกิจสำคัญที่บรรดาศิษย์ต้องทำ พระเยซูเจ้าทรงบอกพวกเขาว่า พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้ง หมดในสวรรค์และบนแผ่นดินแก่พระองค์ พระองค์จึงทรงมีอำนาจบนแผ่นดินเช่นเดียว กับที่ทรงมีในสวรรค์ เป็นอำนาจที่ไม่มีขอบเขตและได้รับจากพระบิดา จากนั้น พระองค์ทรงสั่งพวกเขาให้นำนานาชาติมาเป็นศิษย์ของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงมอบอำนาจแห่งการสั่งสอนแก่บรรดาศิษย์ พวกเขาต้องทำสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเคยทำ เมื่อยังทรงมีพระชนม์อยู่บนโลกนี้ พวกเขาจะมีอำนาจในการทำให้คนบาปคืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง มีอำนาจในการตัดสินว่าใครยังไม่พร้อมสำหรับการคืนดี และใครยังไม่พร้อมที่จะมีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์ในกิจการต่างๆ ของพระศาสนจักร พวกเขาต้องเทศน์สอน รักษา และทำลายกำแพงแห่งการแบ่งแยกทุกชนิดที่เกิดขึ้นในกลุ่มคริสตชน ศีลล้างบาปในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จะเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นศิษย์ของพระองค์ พร้อมกันนี้พระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดไป เราจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องหวาดกลัวสิ่งชั่วร้ายอีกต่อไป.

ในหัวใจ

เมื่อภารกิจสำเร็จบริบูรณ์

…ก่อนก้าวออกจากผืนแผ่นดิน

พระองค์ทรงมอบหนทางใหม่แก่พวกเขาที่เป็นศิษย์

ท่านจงไปสั่งสอนนานาชาติ…ล้างบาป

แม้ภารกิจจบลง แต่ชีวิตของพระองค์ไม่เคยจบสิ้น

ทรงอยู่กับพวกเขา…ในส่วนลึกของหัวใจ

เมื่อแสงแห่งแท่งเทียนปัสกาในวัดจะถึงเวลาดับลง

มนุษย์จะยังพบเจอแสงใหม่ใกล้บ้าน…ในหัวใจตน

 

ทรงเก็บใบหน้าของพระองค์…มิใช่บนภูเขาสูง

…มิใช่ในท้องทะเลลึก

แต่…ในหัวใจมนุษย์

 

เมื่อทรงก้าวเดินบนผืนแผ่นดิน…พระองค์ทรงเก็บทุกผู้คนไว้ในหัวใจ

…คนเจ็บป่วย ผู้มีความหวังริบหรี่

…คนต่ำต้อย และถูกกดขี่ ผู้กล้ำกลืนอยู่กับความทุกข์เจ็บปวด

ทรงเฝ้ารักษาพวกเขาไว้ในหัวใจที่เต็มล้นด้วยความรักนิรันดร์กาล

 

ณ บัดนี้…เมื่อต้องก้าวจากไป

ทรงมอบพระองค์เองไว้ในหัวใจมนุษย์

…ในทุกผู้คนที่เจ็บป่วย…ต่ำต้อย และถูกกดขี่

ใครฤา…จะดูแลรักษา..และห่วงใย

 

       ประชาสัมพันธ์ สัปดาห์ที่แล้ว

ตู้ปันสุข พี่น้องที่รัก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้พูดถึง New Normal (นิว นอร์มัล)  ซึ่งในภาษาไทยว่า “ชีวิตวิถีใหม่” หรือ “วิถีชีวิตใหม่” วันนี้ สังคมกำลังพูดถึง “ตู้ปันสุข” ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านคน เสียชีวิตไปเกือบ 3 แสนคนแล้ว ทุกฝ่ายกำลังช่วยกันหาวิธียับยั้งการระบาด การปิดประเทศ-ปิดเมือง การประกาศเคอร์ฟิว ธุรกิจหลายอย่างต้องหยุดชะงักหรือปิดตัว ทำให้ผู้คนจำนวนมากตกงาน-ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย เพราะทุกคนต้องกิน ต้องเลี้ยงชีวิต หลยคนยังพอมี แต่หลายคนไม่มี ไม่มีแม้เงินเพียงสิบบาทยี่สิบบาทเพื่อซื้ออาหารประทังชีวิต…และในภาวะการณ์เช่นนี้ การแบ่งปันกันจึงเกิดขึ้น ผู้ที่ยังพอมีก็แบ่งปันกับผู้ที่ไม่มี “ตู้ปันสุข” จึงเกิดขึ้น แม้มันจะมีภูมิหลัง-ที่มา หรือ คอนเซ็ปต์จากหลายที่หลายแห่งหรือหลายประเทศ แต่ความหมายก็คงเหมือนกัน คือคนที่มีก็แบ่งปันกับคนที่ไม่มี จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ช่วงนี้ คงโฟกัสไปที่อาหารการกิน พี่น้องครับ พระวรสาร-พระวาจาของพระเจ้าสัปดาห์นี้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า

“ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา…” (ยน 14:15-21) บทบัญญัติของพระองค์ คือ บทบัญญัติแห่งความรัก  รักที่ไม่ใช่แต่เพียงคำพูดแต่เป็นรักที่แสดงออกด้วยกิจการ กิจการที่แสดงออกด้วยการช่วยเหลือและแบ่งปัน สิ่งใดที่เราทำด้วยความรัก ช่วยเหลือแบ่งปันต่อเพื่อนพี่น้อง ก็เท่ากับเราได้ทำต่อพระเยซูเจ้าเอง พี่น้องดูทีวี เห็นภาพข่าว ฟังเรื่องราวต่างๆ ของ ตู้ปันสุข เราได้เห็นผู้ทีน้ำใจดีมากมายนำสิ่งที่ตนมีแบ่งปันกับผู้ไม่มี แม้ผู้ไม่มีบางคนจะมีความเห็นแก่ตัว กอบโกย ขาดน้ำใจหรือความตระหนักถึงผู้อื่น ก็คงจะเป็นเรื่องปกติที่สังคมมักจะมีทั่งคนดีและคนไม่ดี แต่สิ่งหนี่งที่สำคัญสำหรับเราด้วยก็คือ แม้เราได้ดู-ได้เห็น-ได้ฟัง แล้วเราได้ทำอะไรบ้าง เราจะเป็นเพียงผู้ดู-ผู้ชมเฉยๆ ผู้ใดเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องของฉันกระนั้นหรือ?!? ขอให้พระวาจาของพระองค์สะกิดเตือนใจเรา ถ้าท่านรักพระ ก็จงถือบัญญัติ แห่งรักของพระองค์ ความรักที่แสดงออกด้วยการช่วยเหลือ แบ่งปัน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว แล้วเราทุกคนก็จะก้าวผ่านไปด้วยกัน เราจะพบความสุขที่แท้จริง.พ่อวรวุฒิ กิจสกุล

 

ประกาศ-ประชาสัมพันธ์วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2020 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์            สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้พ่อขอเริ่มด้วยคำถามโง่ๆ หรือคำถามที่ซื่อบื้อนะครับ “ผู้ใดอยากไปสวรรค์?!?”  “ใครอยากไปนรก?!?” คำตอบที่ได้ ก็คงจะเหมือนกันหรือรู้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบอย่างไร นั่นคือ ทุกคนอยากไปสวรรค์ และคงไม่มีผู้ใดอยากไปนรก แต่สิ่งสำคัญคงไม่ใช่คำคำถามคำตอบนี้เท่านั้น จะต้องถามและตอบต่อไป นั่นคือ แล้วจะทำอะไรอย่างไรเพื่อจะได้ไปสวรรค์เพื่อจะได้ไม่ตกนรก และเมื่อรู้แล้ว ก็คงไม่ใช่เพียงรับรู้เฉยๆ แต่ต้องปฏิบัติหรือกระทด้วย!!! พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่เชื่อในเราและรักเรา และปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร” นั่นคือ จะได้อยู่ในสวรรค์-ในความรอดนิรันดร

อะไรคือบัญญัติ??? บัญญัติ 10 ประการที่พระองค์มอบแก่เรานั่นไงครับหลงลืมไปหรือยังครับ  รื้อฟื้นกันหน่อยนะครับ:….

 

 

  1. จงนมัสการพระเจ้าผู้เดียวของเจ้า
  2. อย่าออกพระนามของพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ
  3. วันพระเจ้าอย่าลืมฉลองเป็นวันศักดิ์สิทธิ
  4.   จงนับถือบิดามารดา
  5.   อย่าฆ่าคน
  6.   อย่าทำอุลามก, อย่าผิดประเวณี
  7.   อย่าลักขโมย
  8.   อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
  9. อย่าปลงใจผิดประเวณี
  10. อย่ามักได้ทรัพย์ของผู้อื่น

บัญญัติ 3 ข้อแรก คือสิ่งที่เราต้องปฏิบัติต่อพระเจ้า   และบัญญัติ ข้อ 4 ถึงข้อ 10 บอกให้เราต้องปฏิบัติต่อเพื่อนพี่น้องทุกคน หรือสรุปออกมาได้ง่ายๆสั้นๆ ว่า “จงรักพระเจ้าสุดใจ และจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง” พี่น้องหลายท่านมักจะบอกว่า ได้ถือบัญญัติของพระองค์เสมอมาแล้ว ซึ่งหลายครั้ง มันรู้สึกลอยๆ เป็นแบบนามธรรม อยากให้เราลงไปให้ลึกๆ ให้เป็นแบบรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อจะได้รู้ชัดๆ ว่าเราได้ปฎิบัติหรือไม่อย่างไร

 

 

กิจเมตตาธรรมฝ่ายกาย

  1. ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
  2. ให้น้ำแก่ผู้กระหาย
  3. ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ไม่มีนุ่งห่ม
  4. ให้ที่พักแก่ผู้ที่ไร้ที่อยู่
  5. เยี่ยมผู้ป่วย
  6. เยี่ยมผู้ต้องขัง
  7. ร่วมงานฝังศพ

กิจเมตตาธรรมฝ่ายจิต

  1. ให้คำแนะนำแก่ผู้สงสัย
  2. สอนคนที่ไม่รู้
  3. ตักเตือนคนบาป
  4. บรรเทาผู้ทุกข์ยาก
  5. ให้อภัยผู้ทำความผิด
  6. อดทนต่อความผิดของผู้อื่น
  7. ภาวนาสำหรับผู้เป็นและผู้ตาย

นักบุญเปาโลกล่าวว่า “พระอาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้า ไม่อยู่ในคำพูด แต่อยู่ในการกระทำ ซึ่งแสดงพระอาณุภาพของพระจิตเจ้า” (1 คร.4:20) พี่น้องที่รัก วันนี้เราสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ เราทุกคนอยากไปสวรรค์ และเราต้องไปสวรรค์ให้ได้ เกิดมาชาติเดียว ต้องไปสวรรค์ให้ได้ แต่จะไปได้หรือไม่ได้ ต้อวดูว่า ราได้ทำหรือปฏิบัติกิจต่างๆ อย่างไร เพื่อสมจะได้ไปสวรรค์หรือไม่?!?

 

พ่อ วรวุฒิ กิจสกุล