สารวัด ฉบับที่ 866 วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เทศกาลธรรมดา

บอกเล่าให้ฟัง

“ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว” (มธ.6:34) สิ่งที่พระเยซูคริสตเจ้าสอนให้แง่คิดกับเราหลายๆอย่าง วันๆนี้หรือการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันเป็นเรื่องที่สำคัญ เราต้องพยายามใช้วันๆนี้หรือปัจจุบันกาลของเราอย่างมีคุณค่ามากที่สุดในการตอบสนองพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย เพราะวันเวลาไม่อาจย้อนคืนกลับ และวันพรุ่งนี้จะมีสำหรับเราหรือเปล่าไม่มีใครทราบ สำหรับวันพรุ่งนี้เป็นวันแห่งความหวัง และวางใจในพระเป็นเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะดำเนินชีวิตไปวันๆอย่างไร้จุดหมายไม่มีแผนการดำเนินชีวิต ตรงกันข้ามการดำเนินชีวิตด้วยความหวัง และวางใจในพระเป็นเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ เพราะเราจะสามารถฝากแผนการ และความพยายามทั้งหมดของเราไว้ในอ้อมพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าด้วยใจสงบและวางใจในพระองค์

ความวิตกกังวลเป็นเรื่องธรรมสามัญที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตของมนุษย์ แต่ถ้ามีมากเกินไปมันจะส่งผลร้ายให้กับชีวิตของเราได้เหมือนกัน ความวิตกกังวลทำให้เกิดความเครียด เมื่อความเครียดเกินขึ้นมากๆก็จะเริ่มนอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ และโรคร้ายต่างๆก็จะตามมา ความวิตกกังวลยังเป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งของความหวัง และวางใจในพระเป็นเจ้ามากหรือน้อยในชีวิตของเรา ผู้ที่วางใจในพระเป็นเจ้าก็เป็นสุข ที่เป็นสุขได้ก็เพราะว่าเขามีความหวัง และสามารถฝากทุกอย่างไว้ในพยานสอดส่องของพระองค์ พร้อมกับเชื่อมั่นว่า สิ่งที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์นั้นจะส่งผลดีสำหรับชีวิตเสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะตรงกับความปรารถนาของเขาหรือไม่ก็ตาม

ความกระตือรือร้น ความพยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งสำเร็จผลดังตั้งใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันมากเกินไปจนทำให้เราคิดว่าเราต้องทำสำเร็จในทุกเรื่อง ต้องสมบูรณ์แบบในทุกอย่าง มันก็จะกลายเป็นความจองหอง เชื่อมั่นในความสามารถของตนเองจนลืมให้พระเป็นเจ้าเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินชีวิตของเรา ฤทธิ์กุศลเดินสายกลางเสมอ นั่นก็คือเราต้องแสดงความพยายาม มีความกระตือรือร้นที่จะดำเนินชีวิตอย่างดีมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องเปิดทางให้พระเป็นเจ้าเข้ามาทำงานในชีวิตของเราด้วยความหวังและวางใจในพระองค์ ถ้าเราสามารถดำเนินชีวิตอย่างนี้ชีวิตของเราจะมีมุมที่สงบๆสำหรับชื่นชมผลงานอันลำเลิศของพระเป็นเจ้า ที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเรา

จากคุณพ่อเจ้าวัด

ความรอดพ้นแห่งบรรดาประชาชาติ

อันตรายอย่างหนึ่งสำหรับเราคริสตชนผู้มีความเชื่อในพระเป็นเจ้าแล้วก็คือ หลายๆคนมักจะคิดว่าตนเองเป็นอภิสิทธิ์ชนเป็นชนชาติพิเศษ สวรรค์หรือความรอดพ้นเป็นของตายอย่างไรเสียพระเป็นเจ้าต้องประทานให้กับเราอยู่แล้ว แต่การเผยแสดงโดยทางพระวาจาของพระเจ้ากลับเตือนใจเราให้เราระมัดระวังความคิดเช่นนี้ เพราะเรื่องของความรอดพ้นไม่มีอภิสิทธิ์ชน ไม่ใช่ของตายของใครหรือชนชาติใดชนชาติหนึ่ง แต่ความรอดพ้นเป็นของบรรดาประชาชาติ เป็นของประทานจากพระเป็นเจ้าและมาจากความพยายามของมนุษย์ “พระเจ้าตรัสดังนี้ เราทราบการงานและความคิดของพวกเขา เราจะมารวบรวมบรรดาประชาชาติทุกภาษา และพวกเขาจะมาเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของเรา” (อสย.66:18-19)

จริงอยู่ความรอดพ้นเป็นของประทานจากพระเป็นเจ้า แต่พระองค์ยังคงต้องการให้มนุษย์แสดงความพยายามของตนสุดความสามารถที่จะเสาะแสวงหาเอามาให้ได้ ความพยายามของมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งจะทำให้ความรอดพ้นหรือความสุขนิรันดรที่พระองค์จะประทานนั้นมีคุณค่าคู่ควรแก่การชื่นชม ถ้าเราสังเกตความเป็นจริงในชีวิตของมนุษย์ เราจะพบว่าอะไรที่ได้มาง่ายๆทุกคนต้องได้อยู่แล้วเราจะไม่มีความภูมิใจและไม่เห็นคุณค่าในสิ่งนั้น ตรงกันข้ามอะไรที่หามาได้ยากต้องการความพยายามสูงๆเมื่อได้มาเราจะภูมิใจเป็นที่สุด อาทิ การได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก พระเยซูคริสตเจ้าจึงตรัสว่า “จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า หลายคนพยายามจะเข้าไป แต่เข้าไม่ได้”(ลก.13:24) การเข้าทางประตูแคบ การเดินบนหนทางแห่งไม้กางเขนเป็นเรื่องเดียวกัน ที่แสดงให้เห็นว่าการไปสวรรค์ต้องการความพยายาม ความอดทน ความมานะอุตสาหะของเรามนุษย์ เป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา “ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตาก็จะเก็บพืชผลของตนด้วยความยินดีและเสียงเพลง” มีข้อสังเกตอีกประการหนึ่งซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าทรงกล่าวถึง มีหลายคนพยายามจะเข้าไปแต่เข้าไม่ได้ และคนพวกนี้จะอ้างถึงความคุ้นเคยกับพระองค์ทั้งนั้น เคยกินอยู่ด้วยกัน เคยฟังคำสอนของพระองค์ คนประเภทนี้แหละคือพวกที่คิดว่าตนเป็นอภิสิทธิ์ชน และความรอดพ้นเป็นของตายอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่แสดงความพยายามแต่อย่างใด คนพวกนี้จึงพลาดโอกาสที่พระเป็นเจ้าประทานให้

เราต้องพยายามทำอะไรจึงจะได้รับความรอดพ้น ในพระวรสารนักบุญมัทธิวบันทึกไว้ชัดเจนในเรื่องการพิพากษาประมวลพร้อมว่า ต้องรักพระเป็นเจ้าโดยผ่านทางการแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”(มธ.25:40) ถ้าจะถามว่าเราอยากไปสวรรค์ไหม เชื่อว่าทุกคนต้องอยากไป แต่ถ้าจะถามว่าในเมื่อเราอยากไปสวรรค์ เราได้แสดงความพยายามแค่ไหนอย่างไร เรามีความเชื่อเรื่องชีวิตนิรันดรมากน้อยแค่ไหน เราพบจะทันทีว่าในด้านการดำเนินชีวิตของเรานั้น เรามีความเชื่อน้อยเหลือเกิน ความพยายามของเราจึงน้อยเป็นผลสืบเนื่องกันไป ขอให้พระวาจาของพระเจ้าเตือนใจเราให้มีความเชื่อและออกแรงพยายามสุดความสามารถ ความพยายามของเรานี่แหละจะเรียกร้องพระเมตตาของพระเป็นเจ้ามาถึงเราทั้งหลาย

พระเจ้าสถิตกับท่าน
คุณพ่อ สมชาย อัญชลีพรสันต์

ประกาศ

  1. วันอาทิตย์นี้ขอเชิญผู้อ่านบทอ่านและผู้ที่สนจะช่วยอ่านบทอ่าน พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ศาลาเรือนไทยข้างบ้านพักพระสงฆ์ หลังมิสซา เวลา 10.30 น.
  2. วันเสาร์ที่  28  ส.ค. 2010 เขต 2 จัดสัมมนาเรื่องงานด้านสังคมตามแนวทางของพระศาสนจักร ที่วัดแม่พระฟาติมา ดินแดง เริ่มลงทะเบียนเวลา 8.30 น. ขอเชิญผู้ที่สนใจเรื่องงานสังคมและสภาภิบาลร่วมสัมมนาในวันเวลาดังกล่าว
  3. วันเสาร์ที่ 28  ส.ค. 2010 ชมรมผู้สูงอายุเขต 2 จัดเข้าเงียบผู้สูงอายุเขต 2 เรื่องการสวดภาวนา” ที่ศูนย์คามิเลียนลาดกระบัง เริ่มเวลา 9.00 น. รถออกจากที่วัดของเราเวลา 7.00 น.
  4. วันอาทิตย์ที่  29  ส.ค. 2010 ขอเชิญเด็กๆและเยวชนที่ช่วยมิสซาและผู้ที่สนใจจะมาช่วยมิสซา รวมกลุ่มกันที่ศาลาเรือนไทยข้างบ้านพักพระสงฆ์ หลังมิสซา เวลา 10.30 น.

Tags: , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.