สารวัด ฉบับที่ 151378 วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2022 อาทิตย์ใบลาน พระทรมานของพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญูลูกา

ลก 23 : 1-49

ทุกคนในที่ประชุมลุกขึ้น นำพระองค์ไปมอบให้ปีลาต เขาเหล่านั้นตั้งข้อกล่าวหาพระองค์โดยพูดว่า “เราพบคนคนนี้ยุยงประชาชนของเรา ห้ามเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิ์ และอ้างว่าตนเป็นพระคริสต์ กษัตริย์” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “เป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านพูดเองแล้ว” ปีลาตจึงพูดกับบรรดาหัวหน้าสมณะและประชาชนว่า “เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้” แต่พวกเขาย้ำอีกว่า “เขาก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มต้นตั้งแต่แคว้นกาลิลีจนถึงที่นี่” เมื่อปีลาตได้ยินดังนี้จึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่” เมื่อทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ในอำนาจของกษัตริย์เฮโรด จึงส่งพระองค์ไปให้กษัตริย์เฮโรด ซึ่งขณะนั้นกำลังประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ปีลาตต้องการปล่อยพระเยซูเจ้า จึงพูดกับประชาชนอีก แต่คนเหล่านั้นร้องตะโกนกลับมาว่า เอาไปตรึงกางเขน ไปตรึงกางเขนปีลาตพูดกับประชาชนเป็นครั้งที่สาม….แต่ประชาชนยังคงตะโกนเสียงดังต่อไป ขอให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน และเสียงของประชาชนดังขึ้นๆ   ปีลาตจึงตัดสินใจให้เป็นไปตามคำเรียกร้องของประชาชน ปล่อยคนที่ถูกจำคุกเพราะก่อการจลาจลและฆ่าคน และมอบพระเยซูเจ้าให้เขาจัดการตามความพอใจขณะที่ทหารนำพระองค์ออกไป  พวกเขาเกณฑ์ชายคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีนซึ่งกำลังกลับจากชนบท วางไม้กางเขนบนบ่าของเขาให้แบกตามพระเยซูเจ้า…บรรดาทหารนำผู้ร้ายสองคนไปประหารชีวิตพร้อมกับพระองค์ด้วย      เมื่อมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าเนินหัวกระโหลก บรรดาทหารตรึงพระองค์ที่นั่นพร้อมกับผู้ร้ายสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างขวาและอีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” ทหารนำเสื้อผ้าของพระองค์ไปจับสลากแบ่งกัน                                                         ประชาชนยืนอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร” แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ” มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า “ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว”    ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า “แกเป็นพระคริสต์มิใช่หรือ จงช่วยตนเองและช่วยเราให้รอดพ้นซิ” แต่อีกคนหนึ่งดุเขา กล่าวว่า “แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือที่มารับโทษเดียวกันกับท่านผู้นี้ สำหรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดเลย” แล้วเขาทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์”     ขณะนั้น เป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน ทั่วแผ่นดินมืดไปจนถึงเวลาบ่ายสามโมง เพราะดวงอาทิตย์มืดลง ม่านในพระวิหารฉีกขาดตรงกลาง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” เมื่อตรัสดังนี้ ก็สิ้นพระชนม์     เมื่อนายร้อยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พูดว่า “ชายคนนี้เป็นผู้ชอบธรรมแน่ทีเดียว” ประชาชนที่มาชุมนุมกันดูเหตุการณ์นี้ เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ข้อน-อก พากันกลับไป ทุกคนที่รู้จักคุ้นเคยกับพระองค์ รวมทั้งบรรดาสตรีที่ติดตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลีต่างยืนอยู่ห่างๆ คอยดูเหตุการณ์นี้.

                       

 ข้อคิด                    

ขณะที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนเนินหัวกะโหลก ห่างออกไปไม่ไกลมากนักที่กรุงเยรูซาเล็มที่พระวิหารของพระเจ้าตั้งอยู่ นักบุญลูกาบันทึกไว้ว่า ม่านในพระวิหารฉีกขาดตรงกลาง ม่านที่กั้นมนุษย์ออกจากหีบพระบัญญัติที่ประทับอยู่ภายหลังม่าน ถือว่าเป็นที่ประทับของพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บัดนี้ ในความตายของพระเยซูเจ้า สิ่งที่เคยกั้นมนุษย์ออกจากพระเจ้าได้ถูกทำลายลงแล้ว โดยอาศัยพระทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า พระเจ้ากับมนุษย์ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้น ให้เราวิงวอนขอพระพรจากพระเป็นเจ้า ให้เราตระหนักและหมั่นรำพึงเสมอเกี่ยวกับการยอมรับพระประสงค์ของพระเยซูเจ้า ที่นำไปสู่พระทรมานซึ่งนำความรอดพ้นมาให้เราแต่ละคน เพื่อที่เราจะสามารถรู้จักและรักพระองค์มากยิ่งขึ้น เหมือนกับที่นักบุญอัลฟอนโซได้กล่าวไว้ว่า “ใครจะมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่รักพระเยซูเจ้า หากเขารำพึงถึงพระมหาทรมานบ่อยๆ”

           

ฝูงชนมากมายเข้าร่วมขบวนแห่

เสื้อผ้าที่ปูวางบนท้องถนนเป็นพรมแดงต้อนรับ

เสียงโห่ร้องแห่งความสุขยินดีดังก้องจนน่าแปลกใจ

เสียงสรรเสริญ กลับกลายเป็นเอกลักษณ์ของขบวนแห่

ศิษย์ทั้งสิบสองก้าวนำขบวนอย่างองอาจประดุจวันแห่งชัยชนะ

แต่…ในวันนี้ที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งความสุข

….จะมีสักกี่คนที่มองทะลุถึงปลายทาง

ชายหนุ่มผู้ขี่หลังลานำหน้า มองเห็นถึงปลายฟ้า

บั้นปลายนั้นน่ากลัว….เพราะความตายยืนรออยู่

เยรูซาเล็ม….สถานที่นัดพบกับความตาย อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม

เริ่มจากอาหารค่ำครั้งสุดท้ายที่บรรดาศิษย์จัดสัมมนาเรื่องใครจะเป็นใหญ่

และคืนนั้นที่ในสวน พวกเขาก็นอนหลับสบาย

ปล่อยให้พระองค์เผชิญความทุกข์อย่างโดดเดี่ยว

ตามด้วยรอยจูบอันเจ็บปวดจากเพื่อนผู้ทรยศ

และการปฏิเสธที่ปราศจากเยื่อใยสามครั้งจากเพื่อนสนิท

ทรงถูกจับโยนไปตามวิถีแห่งการเมือง

ทรงถูกมอบให้ฝูงชนนำไปฆ่า เพราะความขลาดกลัวของผู้มีอำนาจ

ทรงก้าวเดินบนเส้นทางกางเขนอย่างโดดเดี่ยว ไร้ศิษย์รักที่เคยติดตาม

ทรงถูกมองด้วยสายตาหยามเหยียดตลอดเส้นทาง

ทรงมองทุกผู้คนด้วยความรักเมตตา และให้อภัยจนถึงที่สุดท้าย

ลมหายใจอำลาเป็นไปอย่างแน่วแน่ชัดเจน ขณะที่เพื่อนหลบหนีห่างไกล

ขบวนแห่เริ่มต้นที่นอกกรุงเยรูซาเล็ม

มุ่งสู่กางเขนแห่งความตายในกรุงเยรูซาเล็ม

ฉันจะเข้าร่วมขบวนแห่หรือจะยืนสังเกตุการณ์…ไม่เดือดร้อน…อยู่นอกเมือง

ฉันมองหาคำตอบจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ

 

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2022        สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

        “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเขาทั้งหลาย ถูกต้องแล้ว        องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเรา และเราก็มีความยินดี”                ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเปลี่ยนสภาพของข้าพเจ้า ทั้งหลายให้กลับดีเช่นเดิมด้วยเถิด พระเจ้าข้า”พี่น้องที่รัก วันนี้พระวรสารเน้นย้ำกับเราเช่นเดิมว่า…..  พระเจ้าของเราเป็นบิดา เป็นพ่อ ที่มีพระทัยดี และเต็มไปด้วยความเมตตา พระองค์เป็นพ่อที่พร้อมจะให้อภัย เมื่อลูกทำผิด เป็นพ่อที่รอเวลาให้ลูกกลับมาบ้าน-กลับมาหาพ่อ-มาอยู่กับพ่อ พระองค์เป็นพ่อที่ออกไปง้องอนลูกคนโตที่น้อยใจพ่อ-ไม่ยอมเข้าบ้าน เป็นพ่อที่อยากให้ลูกทั้งสองอยู่กับพ่อในบ้าน      และวันนี้ หญิงที่ถูกจับขณะล่วงประเวณี ถูกจับมาอยู่ต่อหน้าพระองค์ หวังให้พระองค์ลงโทษ และจะได้ประณามพระองค์ว่าไม่มีความเมตตา…แต่พระเยซูเจ้าเต็มไปด้วยความมีเมตตา ท้าทายให้พวกเขาที่คะยั้นคะยอให้พระองค์ลงโทษ….    “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” พระเยซูเจ้าชี้แสดงให้เราพบความจริงว่า เราทุกคนเป็นคนบาป เราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต เราทุกคนต้องกลับใจ พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “เราก็จะไม่ลงโทษด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”   พี่น้องที่รัก บัดนี้เป็นช่วงเวลามหาพรต เป็นช่วงเวลาแห่งความรอด เป็นช่วงเวลาที่พระองค์รอเรา เป็นช่วงเวลาที่พ่อรอให้ลูกกลับบ้าน รอให้ลูกเข้าบ้าน อย่ากังวลสิ่งผิดที่ได้ทำไป พ่อไม่ได้จดจำ พ่อจะไม่ลงโทษ เพียงแต่ขอว่า อย่าทำอีก  เรารับรู้ถึงการรอคอยของผู้เป็นบิดา-เป็นพ่อไหม เราพร้อมจะกลับบ้านหรือยัง…พร้อมจะเข้าบ้าน กลับมาหาพ่อ-มาขอโทษพระองค์หรือยัง เรายังรออะไรอีก?!?  ระวังดีๆ มันอาจจะสายเกินไป เพราะอาจจะไม่มีวันเวลานั้นอีก!!!

สัปดาห์หน้า เป็นอาทิตย์ใบลาน จะมีพิธีเสกใบลาน เวลา 09.00 น. และมีมิสซาภาษาอังกฤษเวลา 11.00 น. เช่นเดิม และเราก็       จะเข้าสู่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ จันทร์-อังคาร-พุธ มิสซาเช้า เวลา 07.00 น.

วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์    มิสซาระลึกถึงความรักของพระเยซูเจ้า ที่สอนให้เรารักและรับใช้ซึ่งกันและกัน ระลึกถึงการตั้งศีลมหาสนิทมอบพระองค์เองเป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณของเรา  พิธีมิสซา เวลา 19.00 น.

วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์      ต้องอดเนื้อ-อดอาหาร ใช้โทษบาป พิธีเดินรูป และพิธีนมัสการกางเขน ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาป  มนุษย์ทั้งมวล  พิธีเวลา 18.30 น.

วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์      ค่ำคืนปัสกา สมโภชการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า มีพิธีเสกไฟ-เสกน้ำ-เสกเทียนปัสกา-เสกไข่ปัสกา   พิธีเวลา 19.00 น.

วันอาทิตย์ปัสกา       มิสซาสมโภช เวลา 09.00 น.

อย่าลืมเชิญชวนและบอกกันต่อๆไปด้วยนะครับ          ขอบพระคุณครับ

                                                           

คุณพ่อยอห์น วรวุฒิ กิจสกุล

 

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2022   อาทิตย์มหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า

พี่น้องที่รัก แม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงมีพระธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้นเป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับความตาย และเป็นความตายบนไม้กางเขน (ฟป. 2:6-11)  จะมีมนุษย์ผู้ใดอีกไหมในใต้พื้นพิภพนี้ ที่จะกระทำเยี่ยงองค์พระเยซูคริสตเจ้าผู้นี้ ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพจะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกชาติทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า “พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระเจ้า-พระบิดา”    โฮซานนาแด่โอรสของดาวิต ขอถวายพรแด่ผู้มาในนามของพระเจ้า ข้าแต่พระราชาแห่งอิสราเอล โฮซานนา พระเจ้าสูงสุด พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม ผู้คนจำนวนมาก ต่างพากันมาชุมนุมโห่ร้องต้อนรับพระองค์ ประกาศให้โลกรับรู้ว่า เป็นพระองค์ผู้นี้ได้เสด็จมาช่วยพวกเขาให้รอดแล้ว  แต่…แต่… อีกเพียงไม่กี่วัน พวกเขาเหล่านั้น จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ พวกเขาเหล่านั้นก็ตะโกนต่อพระองค์อีกครั้งว่า….  “เอามันไปตรึงกางเขน”  พี่น้องครับ ทุกครั้งที่เราทำบาป เราก็ประกาศเช่นเดียวกับพวกเขาเหล่านั้นว่า “เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน” (แทนเราที่ต้องรับโทษที่ได้ทำผิดนั่นเอง)            บัดนี้เป็นเวลาแห่งความรอด จงกลับใจ-เปลี่ยนแปลงชีวิต มิฉะนั้นแล้ว เราจะพินาศ…..จงกลับใจ ใช้โทษบาป และเจริญชีวิตใหม่ในพระองค์

****     พี่น้องครับ มนุษย์ชอบความสนุก รื่นเริง ทุกๆโอกาสที่เป็นไปได้ เราได้  ฉลองคริสตมาส-ปีใหม่ ฉลองการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูเจ้า-พระผู้                   ไถ่ ซึ่งก็ถูกต้องและสมควรยิ่งนัก แต่นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นของแผนการ ไถ่บาป แต่บัดนี้ มหาพรต สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ มหาทรมานของพระเยซูเจ้า   การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และการเสด็จกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ของ   พระองค์เป็นชัยชนะ เป็นเส้นชัย ที่เราจะต้องฉลอง-สมโภช และรื่นเริงยิ่ง กว่าอีก เชิญชวนพี่น้อง เตือนใจกัน-บอก-ประกาศ และพากันมาขับร้อง ถวายเกียรติแด่พระองค์ กลับมาเจริญชีวิตใหม่ในพระองค์ ปราศจากพระ  องค์พระเยซูเจ้าแล้ว เราไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย และเราจะไม่รอดเลย!!

****         อย่าลืมนะครับพี่น้อง มาระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่พระเยซูเจ้าได้ทรง     กระทำ ได้ทรงไถ่เราให้รอด วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วัน              เสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และวันอาทิตย์ปัสกา ขอองค์พระคริสตเจ้าผู้ได้ทรงกลับ                    คืนชีพ นำความสว่างสุกใน ขจัดความมืดมนของโลก-และในจิตใจของเรา         ให้หมดสิ้นไปเทอญ อัลเลลูยา อัลเลลูยา!!!

 

คุณพ่อ ยอห์น วรวุฒิ กิจสกุล          

บทเทศน์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส     วันสมโภชฑูตสวรรค์แจ้งข่าว   วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2022                             ในโอกาสการยกถวายมนุษยชาติ โดยเฉพาะยูเครนและรัสเซีย    แด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์

ในความเป็นหนึ่งเดียวกันกับบรรดาบิชอปและประชาสัตบุรุษทั่วโลก พ่อขอประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับหนทางพิเศษนี้เพื่อที่จะทำให้ทุกคนที่กำลังประสบกับความทุกข์อยู่ในขณะนี้ แด่ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์   ในบทอ่านของพระวรสารสำหรับการสมโภชวันนี้ อัครทูตคาบรียลกล่าวทักทายพระแม่มารีย์สามครั้ง    ครั้งแรกเมื่ออัครทูตสวรรค์กล่าวกับพระนางมารีย์ว่า “จงชื่นชมยินดีเถิด ท่านเปี่ยมด้วยหรรษทาน พระเจ้าประทับอยู่กับท่าน” (ลก. 1: 28)  เหตุผลที่ต้องชื่นชมยินดีเผยให้เห็นได้จากคำทักทายสองสามคำนั้น พระเจ้าสถิตกับท่าน ลูกๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก วันนี้ท่านสามารถได้ยินเสียงเหล่านั้นที่พูดกับท่าน ท่านสามารถทำให้เป็นคำพูดสำหรับท่านทุกครั้งที่เข้าไปขอรับการอภัยของพระเจ้า เพราะ ณ ที่นั้นพระเจ้าจะตรัสกับท่านว่า “เราประทับอยู่กับท่าน”       บ่อยครั้งเหลือเกิน พวกเรามักจะคิดว่าการสารภาพบาปคือ การเข้าไปหาพระเจ้าด้วยการมองในลักษณะแบบขอให้ผ่าน ๆ ไปที หรือคิดไปว่านั่นไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไรที่พวกเราเข้าไปหาพระเจ้า ด้วยความจริงนั่นเป็นพระเจ้าที่เข้ามาหาพวกเราต่างหาก เพื่อที่จะทำให้พวกเราเปียมด้วยพระหรรษทาน ที่พระองค์จะทำให้พวกเราเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี การสาร ภาพบาปของพวกเราทำให้พระบิดาชื่นชมยินดี ที่พระองค์สามารถช่วยพยุงให้พวกเราลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบาปของพวกเราเท่ากับการให้อภัยของพระองค์    ขอให้คิดไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี หากบาปของพวกเราเป็นหัวใจแห่งเครื่องหมายอันศักดิ์สิทธิ์ แทบทุกสิ่งจะขึ้นอยู่กับตัวเรา ขึ้นอยู่กับความเป็นทุกข์เสียใจของตัวเรา พร้อมกับความพยายามของพวกเรา และกับความตั้งใจของพวกเรา ไม่ใช่เป็นเช่นนั้นทั้งหมด  ศีลศักดิ์สิทธิ์จะเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ที่ทำให้พวกเราเป็นไท เป็นอิสระและทำให้พวกเราสามารถยืนอยู่บนเท้าของเราได้อีกครั้งหนึ่ง   ขอให้พวกเรารับรู้อย่างดีอีกครั้งหนึ่ง ถึงความเป็นเลิศแห่งพระหรรษทานและอ้อนวอนขอของขวัญในการรับรู้ว่าการคืนดีของพวกเรากับพระเจ้า ไม่เพียงแค่จะเป็นการเริ่มเข้าใกล้พระเจ้าเท่านั้น แต่ยังจะได้รับการสวมกอดจากพระองค์ และจะทำให้พวกเราประหลาดใจและทำให้พวกเรามีความชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น พระเจ้าจะเข้ามาประทับในบ้านของพวกเราเฉกเช่นที่พระองค์ทรงกระทำที่บ้านของมารีย์แห่งตำบลนาซาเร็ธพร้อมทั้งนำความประหลาดใจและความชื่นชมยินดีมาสู่บ้านนั้น   สิ่งสำคัญขอให้พวกเรามองดูสิ่งต่างๆ ตามสายพระเนตรของพระเจ้า  แล้วพวกเราจะพบกับความรักของเรากับเครื่องหมายของการอภัยบาป พวกเราต้องการสิ่งนี้ เพราะการเกิดใหม่ภายในชีวิตทุกอย่าง การฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิต การเริ่มต้นใหม่ จะมาจากการให้อภัยของพระเจ้า ขอให้พวกเราจงอย่าได้ละเลยการขอคืนดีกับพระเจ้า ขอให้พบการคืนดีในฐานะที่เป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์แห่งความชื่นชมยินดี เพราะการอายต่อบาปจะกลายเป็นโอกาสสำหรับประสบการณ์ของการอยู่ในอ้อมกอดด้วยความอบอุ่นของพระบิดาเจ้า พลังอันอ่อนโยนของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเยียวยารักษาพวกเรา และ ความอ่อนโยนเยี่ยงมารดาของพระจิต นี่คือหัวใจแห่งเครื่องหมายของการอภัยบาป   ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก พวกท่านที่เป็นสมณะแห่งศาสนบริกรสำหรับการอภัยของพระเจ้า พวกท่านเป็นผู้มอบให้แก่ผู้ที่เข้ามาหาท่านในความชื่นชมยินดีแห่งการประกาศว่า จงชื่นมยินดีเถิด พระเจ้าประทับอยู่กับท่านแล้ว จงละทิ้งความแข็งกระด้าง อุปสรรคต่าง ๆ และความหยาบคายไปเสีย ขอให้ประตูของท่านจงเปิดกว้างสู่พระเมตตาของพระเจ้าโดยเพาะอย่างยิ่งในเครื่องหมายของการอภัยบาป พวกเราในฐานะสมณะถูกเรียกร้องให้มีพฤติกรรมดุจผู้เลี้ยงแกะที่ดีที่อุ้มลูกแกะไว้ในอ้อมกอด แล้วปลอบโยนลูกแกะแต่ละตัว พวกเราถูกเรียกร้องให้เป็นท่อธารแห่งพระหรรษทาน ที่หลั่งไหลน้ำทรงชีวิตแห่งพระเมตตาของพระบิดาเจ้าลงสู่ดวงใจที่เหี่ยวแห้ง    ครั้งที่สองที่อัครทูตสวรรค์กล่าวกับพระนางมารีย์  พระแม่ทรงวุ่นวายพระทัยมากจากคำทักทายนั้น ทูตสวรรค์จึงกล่าวกับพระแม่มารีย์ว่า “อย่ากลัวเลย” (ข้อ 30) ในพระคัมภีร์ทุกครั้งที่พระเจ้าตรัสกับผู้ที่ยอมรับพระองค์ พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะกล่าวเช่นนี้ จงอย่าได้กลัวเลย! พระองค์ตรัสเช่นนี้กับอับราฮัม (เทียบ ปฐก. 15: 1) กับ อีซาอัก (เทียบ ปฐก. 26: 24) กับยาโคบ (เทียบ ปฐก. 46: 3) ฯลฯ จนกระทั่งถึงโยเซฟ (เทียบ มธ. 1: 20) และพระนางมารีย์ โดยอาศัยวิธีนี้พระองค์ทรงส่งสารชัดเจน ซึ่งให้ความบรรเทาใจแก่พวกเรา หากพวกเราเปิดใจให้กับพระองค์ ความกลัวจะไม่มีวันทำให้พวกเราหวั่นไหวตื่นตระหนกได้เลย  ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก หากบาปของพวกท่านทำให้พวกท่านตกใจ ถ้าหากเรื่องราวในอดีตรบกวนจิตใจพวกท่าน ถ้าหากบาดแผลของพวกท่านไม่รู้จักหายหายถ้าความล้มเหลวของพวกท่านทำให้ท่านหมดกำลังใจ และดูเหมือนว่าพวกท่านสูญเสียความหวังไป ก็จงอย่าได้กลัวหรือตื่นตระหนกเลย พระเจ้าทรงทราบอย่างดีความอ่อนแอเปราะบางของท่านมากกว่าความผิดของพวกท่าน พระองค์ทรงขอร้องพวกท่านเพียงอย่างเดียว กล่าวคือ ท่านต้องไม่เก็บความอ่อนแอและความทุกข์ไว้ภายในใจตามลำพัง จงนำทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นไปหาพระองค์  เล่าทุกสิ่งสารพัดให้พระองค์ฟังสำหรับเหตุผลที่ทำให้ท่านท้อแท้ นี่จะเป็นโอกาสทองสำหรับการกลับเป็นขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นจงอย่าได้กลัว!   พระแม่มารีย์พรหมจารีจะเฝ้าติดตามพวกเราไป พระแม่ทรงมอบความร้อนใจทุกอย่างไว้กับพระเจ้า การแจ้งข่าวของทูตสวรรค์น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พระแม่หวั่นกลัว ทูตสวรรค์แจ้งข่าวในสิ่งที่พระแม่ทรงคิดไม่ถึงและเกินความสามารถของพระแม่เอง นั่นเป็นอะไรที่โดยลำพังพระแม่ไม่สามารถที่จะรับได้ นี่คงจะมีความยุ่งยากซับซ้อน มีปัญหาขัดแย้งแน่นอนกับบทบัญญัติของโมเสส กับโยเซฟคู่หมั้น กับประชาชนในหมู่บ้านของตนเอง ทว่าพระแม่มารีย์ก็มิได้ปฏิเสธ  เพราะคำพูดเหล่านั้น – จงอย่าได้กลัวเลย – นั่นเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับพระแม่  การยืนยันของพระเจ้าเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับพระแม่ พระแม่ยึดมั่นอยู่กับพระองค์เป็นอันดับแรก เฉกเช่นที่พวกเราต้องการที่จะกระทำในค่ำวันนี้   แต่บ่อยครั้งพวกเรามักกระทำในทางตรงกันข้าม พวกเราเริ่มต้นจากความมั่นใจในตัวเราเองและเมื่อพวกเราสูญเสียความมั่นใจไปพวกเราจึงหันหน้าไปหาพระเจ้า พระแม่ทรงสอนให้พวกเราต้องเริ่มต้นที่พระเจ้า โดยไว้วางใจว่าโดยอาศัยวิธีนี้ทุกสิ่งจะถูกประทานให้พวกเรา (เทียบ มธ. 6: 33)  พระแม่เชื้อเชิญให้พวกเราไปยังต้นตอชีวิตที่แท้จริง  ซึ่งได้แก่พระเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้เยียวยาสูงสุดแห่งความกลัวและความว่างเปล่าแห่งชีวิต มีข้อความน่ารักอยู่ข้อหนึ่งในสำนักวาติกันที่เตือนใจพวกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ “การหันหนีไปจากพระองค์คือความล้มเหลว การหวนกลับไปหาพระองค์เป็นการลุกขึ้นมาใหม่ การประทับอยู่ในพระองค์คือการมีชีวิต” (เทียบ Saint Augustine, Coliloquies I, 3)                                                   ทุกวันนี้ข่าวคราวและฉากโศกนาฏกรรมแห่งความตาย และแม้กระทั่งลูกระเบิดกำลังทำลายบ้านเมืองมากมายของบรรดาพี่น้องชาวยูเครนที่ไม่มีทางที่จะป้องกัน  สงครามอันร้ายกาจที่คร่าชีวิตมนุษย์และสร้างความทุกข์เดือดร้อนให้กับทุกคน ทำให้พวกเราต้องร้อนอกร้อนใจและมีความกังวล พวกเรารู้สึกสิ้นหวังและพวกเราไม่อาจที่จะช่วยอะไรได้ พวกเราจำเป็นที่ต้องได้รับการยืนยันว่า  “จงอย่าได้กลัวเลย         ทว่าการยืนยันของลมปากมนุษย์จะไม่เพียงพอ พวกเราต้องการความใกล้ชิดของพระเจ้าและความมั่นใจในการให้อภัยของพระองค์ ซึ่งมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายออกไปได้  ที่จะทำให้พวกเราเกิดความเสียใจกลับใจใหม่ และฟื้นฟูสันติสุขแก่ดวงใจของพวกเราได้ ขอให้พวกเราหันกลับไปหาพระเจ้าและการวิงวอนให้อภัยของพระองค์    ครั้งที่สามทูตสวรรค์กล่าวกับพระนางมารีย์ว่า “พระจิตจะเสด็จมาเหนือท่าน” (ลก. 1: 35)    นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์เข้ามาในประวัติศาสตร์ ด้วยการมอบพระจิตของพระองค์มาสู่ชาวเรา เพราะในเรื่องราวที่มีความสำคัญโดยลำพังกำลังของพวกเราเองจะไม่เพียงพอ โดยลำพังตัวเราเองพวกเราไม่อาจที่จะสำเร็จได้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งแห่งประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ปัญหาแห่งหัวใจของพวกเราเอง  พวกเราต้องการปรีชาญาณและและอำนาจของพระเจ้าซึ่งได้แก่พระจิต พวกเราต้องการพระจิตองค์แห่งความรัก ผู้ซึ่งจะทรงขับไล่ความเกลียดชัง บรรเทาความขมขื่น ดับความโลภ และกระตุ้นให้พวกเราหลุดพ้นจากความเฉื่อยชา พวกเราต้องการความรักของพระจ้า เพราะความรักของพวกเราเปราะบางและไม่เพียงพอ พวกเราวอนขอหลายสิ่งหลายอย่างจากพระเจ้าแต่บ่อยครั้งเพียงใดที่พวกเราลืมที่จะขอสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด และสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนามากที่สุดที่จะประทานให้พวกเรา นั่นคือพระจิตผู้ทรงอำนาจแห่งความรัก  อันที่จริงหากปราศจากซึ่งความรัก พวกเราจะสามารถมอบสิ่งใดให้กับโลกได้หรือ? มีการกล่าวกันไว้ว่าคริสตชนที่ปราศจากความรักก็เป็นเหมือนเข็มที่เย็บผ้าไม่เป็น มันมักจะทิ่มแทง มันจะก่อให้เกิดบาดแผล และหากมันไม่สามารถที่จะเย็บผ้า ที่จะปะผ้า นั่นก็ไร้ประโยชน์ นี่คือสาเหตุที่พวกเราที่ต้องหาวิธีที่จะได้รับการอภัยจากพระเจ้า ผู้ทรงเป็นองค์พลังแห่งความรัก เช่นเดียวกันกับพระจิตผู้ทรงเสด็จลงมาเหนือพระแม่มารีย์   หากพวกเราต้องการที่จะเปลี่ยนโลก ประการแรกพวกเราต้องเปลี่ยนหัวใจของตัวเราเองก่อน เพื่อที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ขอให้พวกเรายินยอมให้พระแม่มารีย์จูงมือพวกเราไป ขอ ให้พวกเราเพ่งพิศไปที่ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่  ผู้ที่ได้รับการยกเว้นจากธรรมชาติที่มีรอยด่างของพวกเรามารีย์ เปี่ยมด้วยหรรษทาน (ข้อ 28) ดังนั้นพระแม่มารีย์จึงปราศจากมลทิน ในพระแม่ไม่มีร่องรอยแห่งความชั่วร้ายใด ๆ พระเจ้าจึงสามารถเริ่มเรื่องราวใหม่แห่งความรอดและสันติสุข ในพระแม่ประวัติศาสตร์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ด้วยการเคาะประตูแห่งดวงหทัยของพระแม่มารีย์                                                                                             วันนี้เมื่อพวกเราได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ด้วยการอภัยของพระเจ้า ขอให้พวกเราเคาะประตูแห่งดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ด้วย ในความเป็นหนึ่งจิตเดียวกับบรรดาบิชอปและประชาสัตบุรุษทั่วโลก พ่อปรารถนาด้วยความจริงใจที่จะนำทุกคนไปยังดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ พ่อปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรื้อฟื้นต่อพระแม่มารีย์ ในการถวายพระศาสนจักรพร้อมกับมนุษยชาติแด่พระแม่ โดยเฉพาะประเทศยูเครนและประเทศรัสเซีย รวมทั้งประชากรทั้งสองประเทศนั้น ซึ่งเคารพพระแม่ดุจมารดาของตนเองด้วยความรักเยี่ยงบุตร  นี่มิใช่สูตรมายากลแต่อย่างใด ทว่านี่เป็นการกระทำฝ่ายจิต นี่เป็นการกระทำที่เปี่ยมด้วยความไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยมที่ในส่วนจากบรรดาลูกๆ ท่ามกลางความทุกข์ยากแห่งสง ครามอันเหี้ยมโหด และไร้ซึ่งความหมายใด ๆ ที่คุกคามโลก พวกเราทุกคนต่างหันหน้าไปยังพระแม่มารีย์ โดยมอบความกลัวและความเจ็บปวดไว้กับดวงหทัยอันไร้ซึ่งความมัวหมองของพระแม่ และสะท้อนให้พวกเราเห็นพระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์แห่งความดีอันหาขอบเขตมิได้แห่งภราดรภาพและสันติสุข ขอทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามีและพวกเราเป็น เพื่อว่าพระแม่มารีย์ ผู้ที่พระเจ้าทรงมอบให้กับพวกเราจะได้พิทักษ์คุ้มครองและเฝ้าดูแลพวกเรา   แล้วพระแม่ก็ทรงเปล่งวาจาที่สวยงามที่สุด ที่ทูตสวรรค์จะนำกลับไปถวายแด่พระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด (ข้อ 38)  นี่ไม่ใช่เป็นการยอมรับแบบขอไปทีหรือแบบจำยอม แต่เป็นความปรารถนาทรงชีวิตที่จะนอบน้อมพระเจ้าผู้ทรงมี แผนการสำหรับความรุ่งเรืองเพื่อพวกเรา และมิใช่เพื่อความชั่ว (ยรม. 29: 11) ความปรารถนาของพระแม่มารีย์คือ การมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดที่สุดในแผนการแห่งสันติสุขของพระเจ้าสำหรับชาวโลก     ขอให้พวกเราถวายตัวเราเองแด่แม่พระเพื่อที่จะเข้าไปสู่แผนการนี้ เพื่อวางตัวเราเองทั้งหมดในการรับใช้แผนการของพระเจ้า หลังจากพระแม่กล่าวคำว่า ฟีอัต Fiat(ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า) จากนั้นพระมารดาของพระเจ้าก็ออกเดินทางไกลไปสู่ชนบทที่ดาษดื่นด้วยเนินเขา เพื่อเยี่ยมญาติที่กำลังตั้งครรภ์  (เทียบ ลก. 1: 39)  บัดนี้ขอพระแม่มารีย์ได้โปรดรับการเดินทางของพวกเราไว้ในพระหัตถ์ของพระแม่ ขอให้พระแม่นำ หน้าการเดินทางของพวกเราสู่หนทางที่มีความชันและยากลำบากแห่งภราดรภาพ และขอพระแม่นำการเดินของพวกเราไปตามเส้นทางแห่งสันติสุขด้วยเทอญ       อาแมน

(วิษณุ ธัญญอนันต์ เก็บบทเทศน์ที่มีพลังของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและไตร่ตรอง )

   

Tags: , , , ,

'งดแสดงความคิดเห็น'.